-j — различия между версиями

Материал из ТОГБУ Компьютерный Центр
Перейти к: навигация, поиск
м (-j)
м (-j)
Строка 1: Строка 1:
<p>身体健康是我们幸福生活的基石,而全面身体检查则是保护我们健康的重要一环。随着生活方式和环境的改变,许多隐患潜伏在我们体内,可能引发严重的疾病。这就是为什么体检如此重要的原因。</p><br /><br /><p>体检不仅仅是检查身体是否有任何问题,它还能帮助我们了解身体的整体状况,并及早发现潜在风险。一次全面的身体检查可以涵盖许多方面,包括血液检查、尿液检查、心脏功能检查、X光检查等。通过这些检查,我们可以得到有关血压、胆固醇水平、血糖水平以及器官功能是否正常的信息。</p><br /><br /><p>在中环有许多专业的体检中心,提供全面身体检查服务。这些中心拥有先进的医疗设备和专业的医护人员,能够为我们提供准确、全面的体检结果。不论我们是想预防疾病还是及早发现潜在的健康问题,体检中心都是非常好的选择。</p><br /><br /><br /><br /><br /><br /><p>无论年龄大小,每年定期进行全面身体检查都是非常重要的。通过全身检查,我们可以了解自己的身体状况,以便及早发现潜在的问题并采取相应的治疗措施。健康无价,让我们珍惜身体,定期进行全面身体检查,保护自己的健康。</p><br /><br /><h3 id="选择合适的体检中心">选择合适的体检中心</h3><br /><br /><p>体检对于保持身体健康至关重要。选择一个合适的体检中心是确保你得到准确可靠的体检结果的关键。以下是选择合适的体检中心的几个要点:</p><br /><br /><p>首先,你可以考虑选择一个位于中心地带的体检中心。 [https://trinitymedical.com.hk/zh/product/rsv-vaccine/ rsv疫苗] ,因为它位于繁忙地区,交通便利,方便前往。这意味着你可以轻松安排时间去体检,并且不需要太长的交通时间。</p><br /><br /><p>其次,寻找一个提供全面身体检查的体检中心。全面身体檢查能够检查你的身体各个方面,包括心脏健康、肝功能、血液指标等。这样一来,你可以全面了解自己的身体状况,及早发现潜在隐患,采取相应的防范和治疗措施。</p><br /><br /><p>最后,可以参考他人的推荐来选择一个好的体检中心。如果有亲友或同事曾经去过某个体检中心并且对他们的服务和体检结果感到满意,那么这个中心可能也适合你。听取他人的建议可以帮助你筛选出可信赖的体检中心,从而增加你的信心和满意度。</p><br /><br /><p>选择合适的体检中心是确保体检结果准确可靠的重要一步。通过选择位于中央地带的中环身体檢查中心,并确保他们能提供全面身体检查,并在他人的推荐基础上做出选择,你将能够获得一次令人满意的体检经历。</p><br /><br /><h3 id="全面身体检查的重要性">全面身体检查的重要性</h3><br /><br /><p>全面身体检查是维护健康的重要步骤之一。在这个忙碌的现代生活中,我们经常忽视了自己身体的需求。然而,通过进行定期的全面身体检查,我们可以早日发现潜在的健康问题,并采取适当的措施来预防疾病的发展。</p><br /><br /><p>首先,全面身体检查帮助我们及时了解自己的身体状况。通过检查血液、尿液、心脏功能等多个方面的指标,我们可以获得全面的身体健康信息。而且,现代化的体检设备和技术使得全面身体检查更加高效和准确,有助于确诊潜在疾病。</p><br /><br /><p>其次,全面身体检查提供了预防疾病的机会。通过及早发现身体隐患,我们可以采取相应的治疗措施或调整生活方式,降低患病风险。此外,体检中心通常会根据个体情况提供健康检查的推荐,帮助我们更好地了解如何改善自己的生活习惯和健康状况。</p><br /><br /><p>最后,全面身体检查有助于提供心理安慰。在生活中,我们常常因工作、家庭压力等因素产生焦虑和担忧。而通过定期的全面身体检查,我们可以积极主动地参与自己身体健康的管理,减轻内心的担忧,增加自信和幸福感。</p><br /><br /><p>总之,全面身体检查对于保持健康至关重要。它不仅可以及时发现身体隐患,预防疾病的发展,还能够提供心理上的安慰。因此,我们应该将全面身体检查作为日常生活中的一项重要任务,并遵循医生的建议,定期进行身体检查。只有保持身体健康,我们才能更好地享受生活的美好。</p><br /><br /><h3 id="健康检查推荐">健康检查推荐</h3><br /><br /><p>现代生活节奏快,工作压力大,对健康的关注越来越重要。因此,定期进行身体检查是保持身体健康的重要一步。下面是一些建议的健康检查项目,帮助您更好地了解自己的身体状况。</p><br /><br /><p>第一项推荐的检查是全面身体检查。全面身体检查能够对整个身体进行全面的评估,帮助发现潜在的身体问题。这种检查通常包括血液检查、尿液检查、心电图等项目,其目的是评估身体的各个方面,从而确保身体的整体健康。</p><br /><br /><p>其次,体检中心提供了一系列专门的体检项目,根据不同的需要选择适合自己的检查项目非常重要。例如,一些体检中心提供专门的骨骼检查、心脏健康检查等项目,可以满足个体化的健康需求。</p><br /><br /><p>最后,體檢是预防疾病的关键。通过定期的体检,您可以及早发现潜在的身体问题,并采取相应的措施预防病情进一步发展。因此,我们强烈建议每个人定期进行体检,以保障自己的身体健康。</p><br /><br /><p>以上是关于健康检查的一些建议,希望能对您有所帮助。记住,身体健康是最重要的财富,通过健康检查,您可以更好地了解自己的身体状况,并采取预防措施,确保自己的身体一直保持健康状态。</p><br /><br />
+
<p>การทำไวน์อาจดูเหมือนยาก แต่จริงๆ แล้วค่อนข้างง่ายเลย ยีสต์ (ที่เติมซัลไฟต์) พร้อมด้วยน้ำตาลเป็นส่วนผสมพื้นฐานที่สุด ซัลไฟต์ป้องกันไม่ให้ไวน์บูดในระหว่างการหมัก หากจัดเก็บอย่างเหมาะสมในที่เย็นและมืดโดยเติมซัลไฟต์เพิ่มเติมก่อนบรรจุขวด ไวน์ก็จะยังคงอยู่บนชั้นวางเช่นกัน</p><br /><br /><h2>1. องุ่น</h2><br /><br /><p>เมื่อทำไวน์ อันดับแรกให้เลือกองุ่นคุณภาพสูง องุ่นควรจะเนื้อแน่น สุก และมีรสหวาน สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตจำนวนคลัสเตอร์ต่อเถาองุ่นแต่ละต้น ซึ่งจะช่วยประมาณปริมาณไวน์ที่เถาวัลย์ของคุณน่าจะผลิตได้ (โปรดจำไว้ว่าไวน์หนึ่งขวดจะต้องมี 10 คลัสเตอร์/ขวด นั่นเป็นเหตุผลที่คุณต้องการ 40 คลัสเตอร์เพื่อทำไวน์แต่ละอัน)</p><br /><br /><p>เมื่อคุณเลือกองุ่นได้แล้ว ให้เอาก้านออกแล้วบดองุ่นเพื่อให้น้ำออกมา การแยกส่วนเป็นสิ่งสำคัญในการผลิตไวน์ที่หรูหราและนุ่มนวล หลังจากนั้นให้เติมลงในถังขนาดใหญ่ที่ฆ่าเชื้อแล้ว จากนั้นละลายยีสต์ในน้ำอุ่นเล็กน้อยเพื่อให้ยีสต์ชุ่มชื้นก่อนเติมลงในน้ำองุ่น ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำตาลแม้ว่าจะเติมบ่อยๆ เพื่อช่วยให้ไวน์หมักเร็วขึ้นและมีระดับแอลกอฮอล์สูงขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการลดรสชาติเปรี้ยวที่เป็นกรดของไวน์บางชนิดด้วย</p><br /><br /><h2>2. น้ำตาล</h2><br /><br /><p>กระบวนการเปลี่ยนองุ่นให้เป็นไวน์ ไม่ว่าคุณจะใช้อุปกรณ์สำหรับทำไวน์หรือเตรียมตั้งแต่เริ่มต้นก็ค่อนข้างง่าย อย่างไรก็ตาม หากคุณเริ่มต้นด้วยขั้นตอนแรก ก็มีขั้นตอนเฉพาะที่ต้องทำให้เสร็จก่อนที่ไวน์จะเริ่มหมัก</p><br /><br /><p>ควรทำความสะอาดและก้านองุ่นก่อน หลังจากที่ไวน์พร้อมและพร้อมดื่มแล้ว พวกเขาจะต้องเทลงในกระทะขนาดใหญ่และผสมกับน้ำตาล หลังจากที่น้ำตาลละลายแล้ว ส่วนผสมจะต้องได้รับความร้อนจนกว่าจะมีอุณหภูมิ 300°F</p><br /><br /><p>ต้องวางเทอร์โมมิเตอร์ไว้ในกระทะเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิ นอกจากนี้คุณยังสามารถทดสอบน้ำผลไม้ด้วยไฮโดรมิเตอร์หรือเครื่องวัดความเข้มข้น (degBrix) ได้อีกด้วย สิ่งสำคัญคือต้องลดระดับน้ำตาลให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมเมื่อกำหนดจำนวนได้แล้ว</p><br /><br /><h2>3. มันเป็นยีสต์</h2><br /><br /><p>ยีสต์เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตไวน์ มีหน้าที่เปลี่ยนน้ำตาลของน้ำองุ่นให้เป็นแอลกอฮอล์ ยีสต์ยังผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งช่วยให้ของเหลวในการหมักเกิดฟอง</p><br /><br /><p>ชุดส่วนผสมไวน์ส่วนใหญ่และตำราอาหารจะแนะนำให้คุณโรยยีสต์ลงบนน้ำผลไม้โดยตรง อย่างไรก็ตาม แนะนำให้แช่ยีสต์ลงในน้ำอุ่นก่อนที่จะเติมลงไป การคืนสภาพเป็นกระบวนการคืนยีสต์ที่อยู่เฉยๆ และแห้งให้กลับสู่สภาวะธรรมชาติ</p><br /><br /><p>กากรวมเป็นสารเนื้อครีมที่มีความหนาซึ่งเกิดขึ้นเมื่อยีสต์ตาย จากนั้นจะจมลงสู่ส่วนล่างของ กรอสลีส์ช่วยให้ไวน์ดูเต็มปากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังใช้ในไวน์ขาวที่บ่มในถังด้วยกระบวนการที่เรียกว่าบาโทนาจ อย่างไรก็ตาม ไวน์ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องบ่มด้วยกากตะกอนขั้นต้น</p><br /><br /><h2>4. การหมัก</h2><br /><br /><p>ขั้นตอนการทำไวน์อาจง่ายหรือซับซ้อน ขึ้นอยู่กับประเภทของผลไม้ที่คุณเลือกใช้ เหตุผลก็คือมีความแตกต่างและความแปรผันเล็กๆ น้อยๆ มากมาย ซึ่งล้วนสร้างความแตกต่างในด้านคุณภาพหรือความอับอายของไวน์ชนิดใดชนิดหนึ่ง</p><br /><br /><p>ในการทำไวน์หมัก สิ่งแรกที่ต้องทำคือการบดองุ่น น้ำที่มาจากกระบวนการ (เรียกว่า "ต้อง") จะถูกเอาออก คุณสามารถใช้มือของคุณหรือใช้เครื่องมือกระทืบคุณสามารถบดองุ่นได้</p><br /><br /><p>จากนั้น คุณเติมน้ำตาลลงไป จากนั้นจึงเติมน้ำตาลลงไป เนื่องจากน้ำตาลในผลไม้ไม่เข้มข้นพอที่จะทำให้เกิดการหมัก จึงมักใช้สารให้ความหวานแบบเม็ด สารอาหารยีสต์สามารถรวมไว้เพื่อช่วยในการส่งเสริมยีสต์</p><br /><br /><p>หลังจากน้ำตาลละลายก็ถึงเวลาหมัก หลังจากกระบวนการหมักเสร็จสิ้นก็จะถูกถ่ายโอนไปยังคาร์บอย ต้องเก็บในอุณหภูมิที่เย็นและมืดเป็นเวลา 3 ถึง 6 เดือน ในแต่ละวัน วันละสองครั้ง ต้อง "ชก" ด้วยไม้พายหรือช้อนที่สะอาดเพื่อขจัดตะกอนที่เกาะอยู่ด้านบนของขวด จุดประสงค์คือเพื่อให้แน่ใจว่าการหมักจะไม่ติดขัดตลอดจนสร้างไวน์สำเร็จรูปที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น</p><br /><br /><h2>5. การกรอง</h2><br /><br /><p>กระบวนการกรองเป็นขั้นตอนสำคัญในการเตรียมไวน์ของคุณก่อนบรรจุขวด การกรองจะกำจัดยีสต์และอนุภาคที่ตกค้างทั้งหมด รวมถึงกลิ่นหรือรสชาติที่ไม่พึงประสงค์ วิธีนี้ยังช่วยทำให้ไวน์ของคุณมีความกระจ่างขึ้นเพื่อให้มีความแข็งมากขึ้นและมีโอกาสเกิดการหมักซ้ำภายในขวดน้อยลง</p><br /><br /><p>ไม่จำเป็นต้องกรองในไวน์ใดๆ ไวน์ผลไม้ เช่น ไวน์ที่ทำจากน้ำองุ่นแอปเปิ้ล มะม่วง หรือพีช มักจะได้รับการยกเว้นจากการกรอง ไวน์ได้รับการออกแบบมาให้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมไวน์จึงไม่จำเป็นต้องบ่มเป็นเวลานาน กระบวนการกรองสามารถเริ่มได้ทันทีหลังจากการหมักเสร็จสิ้นหรือก่อนบรรจุขวด</p><br /><br /><p>ผู้ผลิตไวน์ตามบ้านสามารถกรองไวน์ที่ผลิตได้โดยใช้ตัวกรองกระดาษธรรมดา ตัวกรองที่ใช้บ่อยที่สุดจะหยุดต่ำกว่า 0.2u (หรือสองในสิบ) ของไมครอน หมายความว่าสารประกอบสีของไวน์และสารประกอบฟีนอลิกส่วนใหญ่ต้องผ่านตัวกรอง</p><br /><br /><h2>6. การบรรจุขวด</h2><br /><br /><p>หากไวน์ของคุณอยู่ในจุดที่ต้องบรรจุขวด ถึงเวลาที่ต้องบรรจุขวดแล้ว ก่อนที่จะใส่ลงในขวด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไวน์มีการป้องกันจากออกซิเจน วิธีที่ดีที่สุดคือการใช้ถังหมักที่มีระบบล็อกอากาศ โถบดใสก็สามารถใช้ได้หากคุณปิดผนึกอย่างดี ก๊าซเฉื่อยเช่นไนโตรเจนหรืออาร์กอนสามารถนำมาใช้หุ้มไวน์ได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น</p><br /><br /><p>ยาเม็ดที่มีเพคติกเอนไซม์ซึ่งพบได้ในร้านค้าหลายแห่งที่ขายเบียร์ทำเองจะช่วยเร่งกระบวนการบรรจุขวดของคุณ อย่างไรก็ตาม มันไม่จำเป็น หลังจากนั้นให้สูบไวน์ลงในขวดใหม่ อย่าลืมล้างอุปกรณ์และขวดระหว่างเติม</p><br /><br /><p>ในจุดนี้ คุณจะต้องชิมไวน์แม้ว่าจะหยาบและไม่สุกก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะสมดุล คุณสามารถเพิ่มน้ำตาลหรือกรดในขั้นตอนนี้ได้หากต้องการ</p><br /><br />

Версия 15:40, 28 января 2024

การทำไวน์อาจดูเหมือนยาก แต่จริงๆ แล้วค่อนข้างง่ายเลย ยีสต์ (ที่เติมซัลไฟต์) พร้อมด้วยน้ำตาลเป็นส่วนผสมพื้นฐานที่สุด ซัลไฟต์ป้องกันไม่ให้ไวน์บูดในระหว่างการหมัก หากจัดเก็บอย่างเหมาะสมในที่เย็นและมืดโดยเติมซัลไฟต์เพิ่มเติมก่อนบรรจุขวด ไวน์ก็จะยังคงอยู่บนชั้นวางเช่นกัน



1. องุ่น



เมื่อทำไวน์ อันดับแรกให้เลือกองุ่นคุณภาพสูง องุ่นควรจะเนื้อแน่น สุก และมีรสหวาน สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตจำนวนคลัสเตอร์ต่อเถาองุ่นแต่ละต้น ซึ่งจะช่วยประมาณปริมาณไวน์ที่เถาวัลย์ของคุณน่าจะผลิตได้ (โปรดจำไว้ว่าไวน์หนึ่งขวดจะต้องมี 10 คลัสเตอร์/ขวด นั่นเป็นเหตุผลที่คุณต้องการ 40 คลัสเตอร์เพื่อทำไวน์แต่ละอัน)



เมื่อคุณเลือกองุ่นได้แล้ว ให้เอาก้านออกแล้วบดองุ่นเพื่อให้น้ำออกมา การแยกส่วนเป็นสิ่งสำคัญในการผลิตไวน์ที่หรูหราและนุ่มนวล หลังจากนั้นให้เติมลงในถังขนาดใหญ่ที่ฆ่าเชื้อแล้ว จากนั้นละลายยีสต์ในน้ำอุ่นเล็กน้อยเพื่อให้ยีสต์ชุ่มชื้นก่อนเติมลงในน้ำองุ่น ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำตาลแม้ว่าจะเติมบ่อยๆ เพื่อช่วยให้ไวน์หมักเร็วขึ้นและมีระดับแอลกอฮอล์สูงขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการลดรสชาติเปรี้ยวที่เป็นกรดของไวน์บางชนิดด้วย



2. น้ำตาล



กระบวนการเปลี่ยนองุ่นให้เป็นไวน์ ไม่ว่าคุณจะใช้อุปกรณ์สำหรับทำไวน์หรือเตรียมตั้งแต่เริ่มต้นก็ค่อนข้างง่าย อย่างไรก็ตาม หากคุณเริ่มต้นด้วยขั้นตอนแรก ก็มีขั้นตอนเฉพาะที่ต้องทำให้เสร็จก่อนที่ไวน์จะเริ่มหมัก



ควรทำความสะอาดและก้านองุ่นก่อน หลังจากที่ไวน์พร้อมและพร้อมดื่มแล้ว พวกเขาจะต้องเทลงในกระทะขนาดใหญ่และผสมกับน้ำตาล หลังจากที่น้ำตาลละลายแล้ว ส่วนผสมจะต้องได้รับความร้อนจนกว่าจะมีอุณหภูมิ 300°F



ต้องวางเทอร์โมมิเตอร์ไว้ในกระทะเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิ นอกจากนี้คุณยังสามารถทดสอบน้ำผลไม้ด้วยไฮโดรมิเตอร์หรือเครื่องวัดความเข้มข้น (degBrix) ได้อีกด้วย สิ่งสำคัญคือต้องลดระดับน้ำตาลให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมเมื่อกำหนดจำนวนได้แล้ว



3. มันเป็นยีสต์



ยีสต์เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตไวน์ มีหน้าที่เปลี่ยนน้ำตาลของน้ำองุ่นให้เป็นแอลกอฮอล์ ยีสต์ยังผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งช่วยให้ของเหลวในการหมักเกิดฟอง



ชุดส่วนผสมไวน์ส่วนใหญ่และตำราอาหารจะแนะนำให้คุณโรยยีสต์ลงบนน้ำผลไม้โดยตรง อย่างไรก็ตาม แนะนำให้แช่ยีสต์ลงในน้ำอุ่นก่อนที่จะเติมลงไป การคืนสภาพเป็นกระบวนการคืนยีสต์ที่อยู่เฉยๆ และแห้งให้กลับสู่สภาวะธรรมชาติ



กากรวมเป็นสารเนื้อครีมที่มีความหนาซึ่งเกิดขึ้นเมื่อยีสต์ตาย จากนั้นจะจมลงสู่ส่วนล่างของ กรอสลีส์ช่วยให้ไวน์ดูเต็มปากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังใช้ในไวน์ขาวที่บ่มในถังด้วยกระบวนการที่เรียกว่าบาโทนาจ อย่างไรก็ตาม ไวน์ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องบ่มด้วยกากตะกอนขั้นต้น



4. การหมัก



ขั้นตอนการทำไวน์อาจง่ายหรือซับซ้อน ขึ้นอยู่กับประเภทของผลไม้ที่คุณเลือกใช้ เหตุผลก็คือมีความแตกต่างและความแปรผันเล็กๆ น้อยๆ มากมาย ซึ่งล้วนสร้างความแตกต่างในด้านคุณภาพหรือความอับอายของไวน์ชนิดใดชนิดหนึ่ง



ในการทำไวน์หมัก สิ่งแรกที่ต้องทำคือการบดองุ่น น้ำที่มาจากกระบวนการ (เรียกว่า "ต้อง") จะถูกเอาออก คุณสามารถใช้มือของคุณหรือใช้เครื่องมือกระทืบคุณสามารถบดองุ่นได้



จากนั้น คุณเติมน้ำตาลลงไป จากนั้นจึงเติมน้ำตาลลงไป เนื่องจากน้ำตาลในผลไม้ไม่เข้มข้นพอที่จะทำให้เกิดการหมัก จึงมักใช้สารให้ความหวานแบบเม็ด สารอาหารยีสต์สามารถรวมไว้เพื่อช่วยในการส่งเสริมยีสต์



หลังจากน้ำตาลละลายก็ถึงเวลาหมัก หลังจากกระบวนการหมักเสร็จสิ้นก็จะถูกถ่ายโอนไปยังคาร์บอย ต้องเก็บในอุณหภูมิที่เย็นและมืดเป็นเวลา 3 ถึง 6 เดือน ในแต่ละวัน วันละสองครั้ง ต้อง "ชก" ด้วยไม้พายหรือช้อนที่สะอาดเพื่อขจัดตะกอนที่เกาะอยู่ด้านบนของขวด จุดประสงค์คือเพื่อให้แน่ใจว่าการหมักจะไม่ติดขัดตลอดจนสร้างไวน์สำเร็จรูปที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น



5. การกรอง



กระบวนการกรองเป็นขั้นตอนสำคัญในการเตรียมไวน์ของคุณก่อนบรรจุขวด การกรองจะกำจัดยีสต์และอนุภาคที่ตกค้างทั้งหมด รวมถึงกลิ่นหรือรสชาติที่ไม่พึงประสงค์ วิธีนี้ยังช่วยทำให้ไวน์ของคุณมีความกระจ่างขึ้นเพื่อให้มีความแข็งมากขึ้นและมีโอกาสเกิดการหมักซ้ำภายในขวดน้อยลง



ไม่จำเป็นต้องกรองในไวน์ใดๆ ไวน์ผลไม้ เช่น ไวน์ที่ทำจากน้ำองุ่นแอปเปิ้ล มะม่วง หรือพีช มักจะได้รับการยกเว้นจากการกรอง ไวน์ได้รับการออกแบบมาให้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมไวน์จึงไม่จำเป็นต้องบ่มเป็นเวลานาน กระบวนการกรองสามารถเริ่มได้ทันทีหลังจากการหมักเสร็จสิ้นหรือก่อนบรรจุขวด



ผู้ผลิตไวน์ตามบ้านสามารถกรองไวน์ที่ผลิตได้โดยใช้ตัวกรองกระดาษธรรมดา ตัวกรองที่ใช้บ่อยที่สุดจะหยุดต่ำกว่า 0.2u (หรือสองในสิบ) ของไมครอน หมายความว่าสารประกอบสีของไวน์และสารประกอบฟีนอลิกส่วนใหญ่ต้องผ่านตัวกรอง



6. การบรรจุขวด



หากไวน์ของคุณอยู่ในจุดที่ต้องบรรจุขวด ถึงเวลาที่ต้องบรรจุขวดแล้ว ก่อนที่จะใส่ลงในขวด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไวน์มีการป้องกันจากออกซิเจน วิธีที่ดีที่สุดคือการใช้ถังหมักที่มีระบบล็อกอากาศ โถบดใสก็สามารถใช้ได้หากคุณปิดผนึกอย่างดี ก๊าซเฉื่อยเช่นไนโตรเจนหรืออาร์กอนสามารถนำมาใช้หุ้มไวน์ได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น



ยาเม็ดที่มีเพคติกเอนไซม์ซึ่งพบได้ในร้านค้าหลายแห่งที่ขายเบียร์ทำเองจะช่วยเร่งกระบวนการบรรจุขวดของคุณ อย่างไรก็ตาม มันไม่จำเป็น หลังจากนั้นให้สูบไวน์ลงในขวดใหม่ อย่าลืมล้างอุปกรณ์และขวดระหว่างเติม



ในจุดนี้ คุณจะต้องชิมไวน์แม้ว่าจะหยาบและไม่สุกก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะสมดุล คุณสามารถเพิ่มน้ำตาลหรือกรดในขั้นตอนนี้ได้หากต้องการ