----x — различия между версиями

Материал из ТОГБУ Компьютерный Центр
Перейти к: навигация, поиск
м (----x)
м (----x)
Строка 1: Строка 1:
[https://www.pooyingnaka.com/beauty ลดความอ้วนง่ายๆ] <br /><br />ใครที่กำลังคิดว่า วิธีลดความอ้วน ลดน้ำหนัก จะต้องอดอาหาร บอกเลยว่าคุณกำลังคิดผิด ถึงแม้ว่าวิธีการลดความอ้วนด้วยการอดอาหาร จะทำให้น้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว แต่การทรมานตัวเองโดยการอดอาหาร เป็นวิธีที่ไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต เพราะสุดท้ายแล้วหากคุณอดใจไม่ไหว อาจจบลงที่โยโย่เอฟเฟ็กต์ได้ <br /><br />ซึ่งบทความในวันนี้ Glory จะมาแชร์ วิธีลดความอ้วน ลดน้ำหนัก อย่างถูกวิธี และไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพร่างกายตามมาทีหลัง พร้อมทั้งบอกข้อเสียของการอดอาหาร จนอาจทำให้ลดน้ำหนักไม่สำเร็จ จะเป็นอย่างไรไปดูกัน<br /><br />วิธีการลดความอ้วน ลดน้ำหนัก อย่างผิดวิธี มีผลเสียอย่างไร ? <br /><br />วิธีการลดความอ้วน ลดน้ำหนัก ที่ถูกต้อง และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ คือ การลดไขมันที่สะสมอยู่ภายในร่างกายให้ออกไป และยังคงรักษากล้ามเนื้อไว้ได้ ซึ่งการอดอาหารอาจส่งผลเสียต่อร่างกาย และทำให้เกิดภาวะโยโย่เอฟเฟ็กต์ได้<br /><br />โดยภาวะโยโย่เอฟเฟ็กต์ (Yoyo Effect) คือ ภาวะที่ร่างกายเสียสมดุลในการเผาผลาญ จนทำให้น้ำหนักเหวี่ยงขึ้น-ลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งภาวะนี้มักเห็นได้ชัดจากคนที่พยายามลดความอ้วนจนผอมอย่างรวดเร็ว แต่ผ่านไปไม่นานก็กลับมาอ้วนเหมือนเดิม หรือแย่กว่านั้นคืออ้วนขึ้นมากกว่าตอนก่อนลดน้ำหนัก เพราะระบบเผาผลาญได้พังลงไปแล้ว ส่งผลให้ทุกครั้งที่คุณพยายามลดน้ำหนักต้องใช้ระเบียบวินัยอย่างมากในการรักษาหุ่น ซึ่งข้อเสียของภาวะโยโย่เอฟเฟ็กต์ มีข้อเสียมากมาย ดังนี้<br /><br />ไขมันเพิ่มขึ้น<br /><br />เมื่อน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจากภาวะโยโย่เอฟเฟ็กต์ ไขมันจะสะสมเพิ่มขึ้น โดยปริมาณไขมันที่เพิ่มมากขึ้น อาจสูงกว่าปริมาณไขมันก่อนเริ่มลดน้ำหนักได้<br /><br />สูญมวลกล้ามเนื้อ<br /><br />ในช่วงที่น้ำหนักลดลงอย่างเห็นได้ชัด นั่นเป็นเพราะร่างกายได้นำโปรตีนมาใช้เป็นพลังงาน ส่งผลให้มวลกล้ามเนื้อลดลง<br /><br />ผิวหนังหย่อนคล้อย<br /><br />ด้วยความที่ร่างกายอยู่ในช่วงลด และเพิ่มของน้ำหนัก อาจทำให้ผิวเกิดการยืด หรือหดตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งผิวหนังที่ยืดไปแล้วจะไม่สามารถกลับสู่สภาพเดิมได้ จนกลายเป็นปัญหาผิวหย่อนคล้อย<br /><br />ภูมิต้านทานลดลง<br /><br />การอดอาหาร ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันรวนไปด้วย เนื่องจากร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่ควรได้รับ ถึงแม้ว่าจะมีการออกกำลังกายร่วมด้วยก็ตาม<br /><br />อ้วนขึ้นกว่าเดิม<br /><br />ถึงแม้ว่าการอดอาหารจะช่วยให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ท้ายที่สุดแล้วหากคุณอดใจต่อไม่ไหว จะกลายเป็นอยากอาหารมากกว่าเดิม และทำให้อ้วนง่ายในที่สุด<br /><br />สุดท้ายแล้วปัญหาหลักของการเกิดภาวะโยโย่เอฟเฟ็กต์ คือ ร่างกายมีความต้องการ หรืออยากอาหารสูงมากกว่าเดิม แต่ประสิทธิภาพของระบบเผาผลาญทำงานลดลง จึงต้องกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกายให้ดีขึ้น ผ่านวิธี ดังนี้<br /><br />ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นการเสริมโปรตีนเป็นหลัก ลดของหวาน และไม่กินจุกจิก<br /><br />ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ จะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้<br /><br />แบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ 4 มื้อ แทนการกินอาหาร 3 มื้อใหญ่ เพื่อกระตุ้นฮอร์โมน และการเผาผลาญพลังงาน<br /><br />ออกกำลังกาย อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อสลายไขมันส่วนเกินในร่างกาย<br /><br />ลดน้ำหนักให้สำเร็จ ด้วย วิธีการลดความอ้วน อย่างถูกต้อง มีอะไรบ้าง ? <br /><br />การอดอาหารแล้วผอมลงในระยะแรก แต่พอผ่านไปเรื่อย ๆ เมื่อร่างกายกลับมาทานปกติ จะทำให้อ้วนกว่าเดิม เพราะระบบเผาผลาญในร่างกายเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ที่คุณเริ่มอดอาหาร โดยร่างกายจะเริ่มปรับระบบเผาผลาญลง เมื่อกลับมากินอาหารปกติทำให้น้ำหนัก และไขมันกลับมาอย่างรวดเร็ว <br /><br />อย่างไรก็ตาม Glory เราได้รวม วิธีลดความอ้วน ลดน้ำหนัก แต่ไม่ต้องอดอาหาร และทานครบ 3 มื้อ สามารถทำได้ ดังนี้<br /><br />มื้อเช้า<br /><br />อาหารมื้อเช้าเป็นมื้อที่จำเป็นต่อร่างกายมากที่สุด เพราะเป็นเหมือนการเติมพลังงานให้ร่างกาย และสมอง โดยประเภทสารอาหารที่ควรได้รับในมื้อเช้า คือ คาร์โบไฮเดรต อย่าง ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ธัญพืช ทานคู่กับโปรตีนจากเนื้อสัตว์ และวิตามินจากผัก และผลไม้<br /><br />มื้อกลางวัน<br /><br />มื้อกลางวันให้เน้นกินอาหารไขมันต่ำ เพื่อเลี่ยงการง่วงนอนหลังกินข้าว โดยควรเลือกทานเป็น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และวิตามิน<br /><br />มื้อเย็น<br /><br />มื้อเย็นควรเลี่ยงอาหารไขมันสูง และของทอด โดยเน้นโปรตีนจากเนื้อสัตว์เป็นหลัก หรือหากเป็นไปได้ควรกินอาหารมื้อเย็นก่อน 6 โมงเย็นก็ช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้เช่นกัน<br /><br />นอกจากนี้หากใครที่ต้องการ วิธีลดความอ้วน ลดน้ำหนัก อย่างถูกวิธี ที่นอกเหนือจากการทานอาหาร 3 มื้อ หรือไม่สะดวกทำวิธีด้านบน ให้ลองทำตามนี้<br /><br />เลือกใช้ภาชนะที่มีขนาดเล็กลง<br /><br />ขนาดของภาชนะที่ใช้ใส่อาหารมีผลต่อปริมาณการกิน จากงานวิจัยพบว่าการใช้ภาชนะขนาดเล็ก เช่น การกินอาหารด้วยจานที่มีขนาดเล็กลง จะช่วยฝึกความเคยชินให้กินอาหารได้น้อยลง โดยที่คุณไม่ได้รู้สึกว่ากินน้อย<br /><br />เคี้ยวให้ละเอียด และกินให้ช้าลง<br /><br />โดยปกติแล้วคนเราจะเริ่มอิ่มเมื่อกินอาหาร และเว้นช่วงทิ้งไว้ 20 นาที จะทำให้รู้สึกอิ่มท้อง ซึ่งการค่อย ๆ เคี้ยวอาหารให้ละเอียด ไม่ต้องรีบ จะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มได้ ด้วยปริมาณอาหาร และแคลอรีที่น้อยกว่าเดิม<br /><br />ลดการกินอาหารที่ทำให้น้ำหนักเพิ่ม<br /><br />ลดการกินอาหารที่มีไขมัน น้ำตาล และแคลอรีสูง โดยเก็บอาหารเหล่านี้ให้พ้นจากสายตา เพราะหากเห็นอาหารเหล่านี้อยู่ตรงหน้า จะกระตุ้นความอยาก และง่ายต่อการหยิบกินได้ทุกเวลา ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นมากกว่าคนที่กินผัก และผลไม้ หรืออาหารที่มีประโยชน์ในที่ที่มองเห็นได้ง่าย ๆ <br /><br />เลือกทานอาหารกากใยสูงทำให้อิ่มเร็วขึ้น<br /><br />อาหารที่มีกากใยสูง จะช่วยให้อิ่มเร็วขึ้น และอิ่มนาน จะทำให้คุณทานอาหารน้อยลง นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย ดังนั้น ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักจึงควรเน้นกินผัก ผลไม้ ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี เป็นต้น<br /><br />ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ<br /><br />รู้หรือไม่ ? ว่าการดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ช่วยในการลดน้ำหนัก โดยเฉพาะการดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารประมาณ 30 นาที จะช่วยให้รู้สึกหิวน้อยลง ซึ่งควรทำควบคู่ไปกับการกินอาหารแคลอรีต่ำ จะช่วยลดน้ำหนักได้มากกว่าการกินอาหารแคลอรีต่ำเพียงอย่างเดียว<br /><br />พักผ่อนให้เพียงพอ และพยายามเครียดให้น้อยที่สุด<br /><br />ความเครียด และการนอนหลับพักผ่อน เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความอยากอาหาร และการเพิ่มขึ้นของน้ำหนัก เนื่องจากความอ่อนเพลียจากการอดนอน จะทำให้คุณอยากกินของหวาน และของอ้วนมากขึ้น <br /><br />ส่วนฮอร์โมนความเครียด จะทำให้อยากกินของทอด เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความเครียด และความรู้สึกต่าง ๆ อีกทั้งยังกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้น้อยลง จนเกิดการสะสมของไขมันมากขึ้น นอกจากนี้ ความเครียด และการอดนอน หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ยังเป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงต่อหลายโรค อย่าง โรคอ้วน และเบาหวาน เป็นต้น<br /><br />กินโปรตีนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย<br /><br />การเพิ่มสารอาหารประเภทโปรตีนในมื้อหลัก และมื้อว่าง จะช่วยให้อิ่มนานขึ้น และมีแนวโน้มการกินน้อยลง เพราะโปรตีนส่งผลต่อฮอร์โมนที่มีหน้าที่ควบคุมความหิว และความอิ่ม โดยควรเพิ่มอาหารที่เป็นแหล่งโปรตีนไขมันต่ำ อย่างเช่น เนื้อไก่ และเนื้อเป็ด ไม่ติดมัน โยเกิร์ต ไข่ หรือถั่วเมล็ดแห้ง เป็นต้น<br /><br />กินอาหารเสริมจุลินทรีย์ชนิดดี<br /><br />การควบคุมน้ำหนัก หรือการลดความอ้วน สิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อการช่วยปรับสมดุลให้กับร่างกาย และมีผลต่อการคุมน้ำหนัก คือ จุลินทรีย์ชนิดดีในร่างกาย อย่าง โพรไบโอติก จะเข้าไปช่วยปรับความสมดุลในร่างกาย และส่งผลดีต่อการลดน้ำหนัก <br /><br />ซึ่งโพรไบโอติกที่เราอยากแนะนำคือ Glory Probiotic Veggy Plus โพรไบโอติกผสมไฟเบอร์ในรูปแบบแคปซูล โดยโพรไบโอติกตัวนี้ชื่อว่า Bacilus Coagulans (BC30) นำเข้าจากอเมริกา เป็นโพรไบโอติกที่มีเกราะป้องกันตามธรรมชาติ ทำให้ทนต่อกรดในกระเพาะอาหารมากกว่าโพรไบโอติกชนิดอื่น สามารถตรงเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ และฟื้นฟูลำไส้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ<br /><br />สุดท้ายนี้ วิธีลดความอ้วน ลดน้ำหนัก ที่เราได้นำมาฝากทุกคน เป็นการคำนึงถึงปัจจัยทางด้านจิตวิทยาในการกิน และมีการพิสูจน์ผลลัพธ์ ว่าหากฝึกทำทุกวันเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง จะช่วยปรับพฤติกรรมการกินของคุณไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งนอกจากจะช่วยลดน้ำหนักได้แล้ว ยังช่วยให้สุขภาพแข็งแรงอีกด้วย<br /><br />สำหรับใครที่ต้องการเสริมสร้างโพรไบโอติก อย่าง Glory Probiotic Veggy Plus หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อราคาพิเศษคลิก และสามารถติดต่อเราได้ที่ Line: @GloryofficialTH<br /><br />
+
การจ้างบริษัท รับสร้างบ้าน กทม. เป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากการสร้างบ้านในกรุงเทพฯ ต้องมีความรู้เรื่องพื้นที่ เพราะกรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่ที่มีความเจริญ เนื่องจากมีความสะดวกสบายรองรับทุกพื้นที่ อีกทั้งยังเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ จึงมีผู้คนมาตั้งถิ่นฐานอยู่จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ด้วยความเจริญทำให้มีการก่อสร้างเกิดขึ้นมากมาย ส่งผลให้จำเป็นต้องมีการจัดระเบียบด้วยกฎหมายเกี่ยวกับการก่อสร้าง<br /><br />และกฎหมายที่สำคัญ คือ กฎหมายระยะร่น ที่ช่วยให้สร้างบ้านได้อย่างปลอดภัยกับคนรอบข้าง ทั้งยังมีระยะห่างที่พอดี ไม่ทำให้เกิดความแออัดต่อผู้อยู่อาศัย และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรศึกษาเอาไว้ก่อนจ้างบริษัท รับสร้างบ้าน กทม. เพื่อจะได้มีความเข้าใจตรงกัน และดำเนินการก่อสร้างบ้านได้อย่างเรียบร้อย และถูกต้องตามกฎหมาย<br /><br />บทความในวันนี้ Royal house จึงจะพาทุกคนมาศึกษากฎหมายระยะร่น ก่อนที่จะทำการจ้างบริษัท รับสร้างบ้าน กทม. เพื่อความเข้าใจในการก่อสร้าง ซึ่งหากพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย<br /><br />ระยะร่นในการปลูกบ้าน เรื่องต้องรู้ก่อนจ้างบริษัท รับสร้างบ้าน กทม.<br /><br />ระยะร่น หมายถึง ระยะห่างของแนวอาคารกับแนวเขตที่กฎหมายกำหนด เช่น พื้นที่ข้างเคียง คูคลอง ถนน ตามที่ กฎหมายกำหนด ซึ่งต้องมีการก่อสร้างตามที่ระบุไว้ โดยเฉพาะการจ้างบริษัท รับสร้างบ้าน กทม. ที่มีพื้นที่ในการก่อสร้างน้อย จึงจะต้องศึกษาให้ดีก่อนที่จะพิจารณา และตกกันกับบริษัทรับสร้างบ้าน ซึ่งกฎหมายระยะร่น มีดังต่อไปนี้<br /><br />ใกล้บ้านหลังติดกัน<br /><br />บริษัท รับสร้างบ้าน กทม. จะต้องมีความรู้เรื่องระยะร่นสำหรับการสร้างบ้านที่มีพื้นที่ติดกับบ้านหลังอื่น เพื่อจะได้ออกแบบ และวางโครงสร้างไม่ให้รุกล้ำบ้านของผู้อื่น ทั้งยังต้องเว้นระยะห่างเพื่อให้ปลอดภัยกับพื้นที่ข้างเคียง<br /><br />ที่สำคัญ คือ ความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย เพราะการมีระยะร่น จะช่วยให้สะดวกเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน อย่าง อัคคีภัย นอกจากนี้ยังทำให้ไม่แออัดเกินไป โดยมีพื้นที่ว่างไว้สำหรับต่อเติม และซ่อมแซมตัวบ้านนั่นเอง<br /><br />บ้านเดี่ยวพื้นที่ไม่เกิน 300 ตารางเมตร<br /><br />บ้านเดี่ยว สูงไม่เกิน 9 เมตร จะต้องอยู่ห่างจากเขตที่ดินข้างบ้านนั้นไม่น้อยกว่า 2 เมตร<br /><br />บ้านเดี่ยวที่ สูงเกิน 9 เมตร ต้องห่างไม่น้อยกว่า 3 เมตร (ข้อ 54 ข้อบัญญัติ กทม)<br /><br />บ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่เกิน 300 เมตร<br /><br />บ้านเดี่ยวพื้นที่เกิน 300 ตารางเมตร แต่สูงไม่เกิน 15 เมตร จะต้องเว้นที่ว่างรอบแนวเขตที่ดิน (รวมถึงด้านข้างบ้าน และหลังบ้าน) อย่างน้อย 1 เมตร (ข้อ 55 วรรคแรกของข้อบัญญัติ กทม)<br /><br />บ้านเดี่ยวพื้นที่เกิน 300 ตารางเมตร และมีความสูงเกิน 15 เมตร ต้องมีพื้นที่ว่างโดยรอบอาคาร (รวมถึงด้านข้างบ้าน และหลังบ้าน) ไม่น้อยกว่า 2 เมตร (ข้อ 55 วรรคสองของข้อบัญญัติ กทม)<br /><br />ใกล้ถนนสาธารณะ<br /><br />ในกรุงเทพมหานครนั้นมีถนนมากมาย เพื่อรองรับการคมนาคมขนาดใหญ่ในเมืองหลวง ดังนั้น จึงมีหลายพื้นที่ที่มีด้านใดด้านหนึ่งของตัวที่ดิน ติดถนนสาธารณะ ซึ่งจะต้องถูกให้ร่นระยะห่างจากถนนสาธารณะ<br /><br /> [https://www.file-upload.com/yhv6tehs9r1g https://www.file-upload.com/yhv6tehs9r1g] <br /><br />ดังนั้น เมื่อต้องการจ้างบริษัท รับสร้างบ้าน กทม. จะต้องมีความรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับระยะร่นจากถนนสาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำความเข้าใจได้ง่าย เพียงแค่ต้องรู้ขนาดบ้านของตนเอง และขนาดความกว้างของถนนสาธารณะที่อยู่ติดกับพื้นที่ก่อสร้าง เพียงเท่านี้ก็จะสามารถจ้างบริษัทรับสร้างบ้าน กทม. ได้อย่างมั่นใจในเรื่องข้อมูล และความถูกต้องทางกฎหมาย โดยข้อบัญญัติ กทม. เกี่ยวกับการสร้างบ้านเดี่ยวใกล้ และติดถนนสาธารณะ มีดังนี้<br /><br />บ้านเดี่ยวสูงไม่เกิน 3 ชั้นหรือสูงไม่เกิน 10 เมตร และพื้นที่ไม่เกิน 1,000 ตารางเมตร<br /><br />อยู่ใกล้ถนนสาธารณะที่มีความกว้างน้อยกว่า 6 เมตร ให้ร่นแนวอาคารห่างจาก “กึ่งกลาง” ถนนสาธารณะอย่างน้อย 3 เมตร มิให้มีส่วนของอาคารล้ำเข้ามาในแนวร่นดังกล่าว ยกเว้นรั้วหรือกำแพงกั้นแนวเขตที่สูงไม่เกิน 2 เมตร (ข้อ 50 ข้อบัญญัติ กทม)<br /><br />บ้านเดี่ยวสูงเกิน 3 ชั้น หรือสูงเกิน 10 เมตร หรือมีพื้นที่เกิน 1,000 ตารางเมตร<br /><br />บ้านที่มีขนาดกว้างใหญ่ จะมีข้อบัญญัติระบุไว้แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความกว้างของถนนสาธารณะ ซึ่งเมื่อรู้ความกว้างถนนแล้ว ก็ต้องทำการร่นแนวอาคารเข้ามาตามระยะที่บทบัญญัติ กทม. กำหนดไว้ ดังต่อไปนี้<br /><br />ความกว้างถนนสาธารณะ<br /><br />ตำแหน่งที่วัดระยะร่น<br /><br />ระยะร่นจากถนนสาธารณะ<br /><br />ข้อบัญญัติ<br /><br />น้อยกว่า 10 เมตร<br /><br />กึ่งกลางถนน<br /><br />อย่างน้อย 6 เมตร<br /><br />(ข้อ 50 (1) ข้อบัญญัติ กทม)<br /><br /> [https://files.fm/f/xmpy4df87s รอแยลเฮ้าส์] <br /><br />น้อยกว่า 10-20 เมตร<br /><br />เขตถนน<br /><br />อย่างน้อย 1 ใน 10 ของความกว้างของถนนสาธารณะ<br /><br />(ข้อ 50 (2) ข้อบัญญัติ กทม)<br /><br />เกิน 20 เมตรขึ้นไป<br /><br />เขตถนน<br /><br />อย่างน้อย 2 เมตร<br /><br />(ข้อ 50 (3) ข้อบัญญัติ กทม<br /><br />บ้านเดี่ยวมีที่ดินติดมุมถนนสาธารณะ<br /><br />ถ้าที่ดินของบ้านเดี่ยวที่อยู่มุมถนนสาธารณะ มีความกว้างตั้งแต่ 3 เมตรแต่ไม่เกิน 8 เมตร และมีมุมหักน้อยกว่า 135 องศา รั้วหรือกำแพงกั้นเขตต้องปาดมุมมีระยะไม่น้อยกว่า 4 เมตร และทำมุมกับแนวถนนสาธารณะเป็นมุมเท่าๆ กัน โดยไม่ให้มีรั้ว กำแพง หรือส่วนของบ้านยื่นล้ำเข้ามาในที่ดินส่วนที่ปาดมุม (ข้อ 51 ข้อบัญญัติ กทม)<br /><br />ใกล้แหล่งน้ำสาธารณะ<br /><br />บริษัท รับสร้างบ้าน กทม. จะต้องมีความรู้เรื่องการก่อสร้างอาคารที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำสาธารณะซึ่งจะรวมถึงแม่น้ำ คู และคลอง เพราะนอกจากเรื่องกฎหมายแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับความแข็งแรงของโครงสร้างอีกด้วย<br /><br />เพราะพื้นดินบริเวณใกล้แม่น้ำจะมีความอ่อนตัว และง่ายต่อการถูกกัดเซาะ ดังนั้นบริษัทรับสร้างบ้าน กทม. จึงจำเป็นต้องเชี่ยวชาญในเรื่องของการก่อสร้างบ้านริมแม่น้ำ อย่างไรก็ตาม บทบัญญัติ กทม. เกี่ยวกับการสร้างบ้านใกล้แหล่งน้ำสาธารณะ ดังนี้<br /><br />ถ้าแหล่งน้ำนั้นมีความกว้างน้อยกว่า 10 เมตร<br /><br />ต้องร่นแนวอาคารให้ห่างจากเขตแหล่งน้ำนั้นไม่น้อยกว่า 3 เมตร<br /><br />ถ้าแหล่งน้ำนั้นกว้างตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป<br /><br />ต้องร่นแนวอาคารให้ห่างจากเขตแหล่งน้ำนั้นไม่น้อยกว่า 6 เมตร (ข้อ 42 กฎกระทรวงฉบับที่ 55)<br /><br />สำหรับแหล่งน้ำขนาดใหญ่<br /><br />เช่น ทะเลสาบ ทะเล ต้องร่นแนวอาคารให้ห่างจากเขตแหล่งน้ำนั้นอย่างน้อย 12 เมตร<br /><br />และทั้งหมดนี้คือข้อบัญญัติเกี่ยวกับระยะย่น ในการสร้างบ้านในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งข้อมูลระยะร่นนี้มีความจำเป็นทั้งต่อผู้อยู่อาศัย และบริษัทรับสร้างบ้าน กทม. เพราะจะได้รู้รายละเอียด และพูดคุยกันได้ โดยมีข้อมูลชุดเดียวกัน จึงทำให้ทำการตกลง และเข้าใจเหตุผลต่าง ๆ ของการก่อสร้างได้มากขึ้น ส่งผลให้กฎหมายระยะร่นมีความจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างบ้านนั่นเอง<br /><br />อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่กำลังมองหาบริษัท รับสร้างบ้าน กทม. สามารถเลือกใช้บริการ Royal house ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้านที่ให้บริการเกี่ยวกับบ้านอย่างครบถ้วน รวมถึงมีผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือ และเป็นผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับสร้างบ้านมาอย่างดี หากสนใจสามารถติดต่อได้ที่ Line: @royalhouse<br /><br />

Версия 12:11, 31 января 2024

การจ้างบริษัท รับสร้างบ้าน กทม. เป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากการสร้างบ้านในกรุงเทพฯ ต้องมีความรู้เรื่องพื้นที่ เพราะกรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่ที่มีความเจริญ เนื่องจากมีความสะดวกสบายรองรับทุกพื้นที่ อีกทั้งยังเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ จึงมีผู้คนมาตั้งถิ่นฐานอยู่จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ด้วยความเจริญทำให้มีการก่อสร้างเกิดขึ้นมากมาย ส่งผลให้จำเป็นต้องมีการจัดระเบียบด้วยกฎหมายเกี่ยวกับการก่อสร้าง

และกฎหมายที่สำคัญ คือ กฎหมายระยะร่น ที่ช่วยให้สร้างบ้านได้อย่างปลอดภัยกับคนรอบข้าง ทั้งยังมีระยะห่างที่พอดี ไม่ทำให้เกิดความแออัดต่อผู้อยู่อาศัย และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรศึกษาเอาไว้ก่อนจ้างบริษัท รับสร้างบ้าน กทม. เพื่อจะได้มีความเข้าใจตรงกัน และดำเนินการก่อสร้างบ้านได้อย่างเรียบร้อย และถูกต้องตามกฎหมาย

บทความในวันนี้ Royal house จึงจะพาทุกคนมาศึกษากฎหมายระยะร่น ก่อนที่จะทำการจ้างบริษัท รับสร้างบ้าน กทม. เพื่อความเข้าใจในการก่อสร้าง ซึ่งหากพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

ระยะร่นในการปลูกบ้าน เรื่องต้องรู้ก่อนจ้างบริษัท รับสร้างบ้าน กทม.

ระยะร่น หมายถึง ระยะห่างของแนวอาคารกับแนวเขตที่กฎหมายกำหนด เช่น พื้นที่ข้างเคียง คูคลอง ถนน ตามที่ กฎหมายกำหนด ซึ่งต้องมีการก่อสร้างตามที่ระบุไว้ โดยเฉพาะการจ้างบริษัท รับสร้างบ้าน กทม. ที่มีพื้นที่ในการก่อสร้างน้อย จึงจะต้องศึกษาให้ดีก่อนที่จะพิจารณา และตกกันกับบริษัทรับสร้างบ้าน ซึ่งกฎหมายระยะร่น มีดังต่อไปนี้

ใกล้บ้านหลังติดกัน

บริษัท รับสร้างบ้าน กทม. จะต้องมีความรู้เรื่องระยะร่นสำหรับการสร้างบ้านที่มีพื้นที่ติดกับบ้านหลังอื่น เพื่อจะได้ออกแบบ และวางโครงสร้างไม่ให้รุกล้ำบ้านของผู้อื่น ทั้งยังต้องเว้นระยะห่างเพื่อให้ปลอดภัยกับพื้นที่ข้างเคียง

ที่สำคัญ คือ ความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย เพราะการมีระยะร่น จะช่วยให้สะดวกเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน อย่าง อัคคีภัย นอกจากนี้ยังทำให้ไม่แออัดเกินไป โดยมีพื้นที่ว่างไว้สำหรับต่อเติม และซ่อมแซมตัวบ้านนั่นเอง

บ้านเดี่ยวพื้นที่ไม่เกิน 300 ตารางเมตร

บ้านเดี่ยว สูงไม่เกิน 9 เมตร จะต้องอยู่ห่างจากเขตที่ดินข้างบ้านนั้นไม่น้อยกว่า 2 เมตร

บ้านเดี่ยวที่ สูงเกิน 9 เมตร ต้องห่างไม่น้อยกว่า 3 เมตร (ข้อ 54 ข้อบัญญัติ กทม)

บ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่เกิน 300 เมตร

บ้านเดี่ยวพื้นที่เกิน 300 ตารางเมตร แต่สูงไม่เกิน 15 เมตร จะต้องเว้นที่ว่างรอบแนวเขตที่ดิน (รวมถึงด้านข้างบ้าน และหลังบ้าน) อย่างน้อย 1 เมตร (ข้อ 55 วรรคแรกของข้อบัญญัติ กทม)

บ้านเดี่ยวพื้นที่เกิน 300 ตารางเมตร และมีความสูงเกิน 15 เมตร ต้องมีพื้นที่ว่างโดยรอบอาคาร (รวมถึงด้านข้างบ้าน และหลังบ้าน) ไม่น้อยกว่า 2 เมตร (ข้อ 55 วรรคสองของข้อบัญญัติ กทม)

ใกล้ถนนสาธารณะ

ในกรุงเทพมหานครนั้นมีถนนมากมาย เพื่อรองรับการคมนาคมขนาดใหญ่ในเมืองหลวง ดังนั้น จึงมีหลายพื้นที่ที่มีด้านใดด้านหนึ่งของตัวที่ดิน ติดถนนสาธารณะ ซึ่งจะต้องถูกให้ร่นระยะห่างจากถนนสาธารณะ

https://www.file-upload.com/yhv6tehs9r1g

ดังนั้น เมื่อต้องการจ้างบริษัท รับสร้างบ้าน กทม. จะต้องมีความรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับระยะร่นจากถนนสาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำความเข้าใจได้ง่าย เพียงแค่ต้องรู้ขนาดบ้านของตนเอง และขนาดความกว้างของถนนสาธารณะที่อยู่ติดกับพื้นที่ก่อสร้าง เพียงเท่านี้ก็จะสามารถจ้างบริษัทรับสร้างบ้าน กทม. ได้อย่างมั่นใจในเรื่องข้อมูล และความถูกต้องทางกฎหมาย โดยข้อบัญญัติ กทม. เกี่ยวกับการสร้างบ้านเดี่ยวใกล้ และติดถนนสาธารณะ มีดังนี้

บ้านเดี่ยวสูงไม่เกิน 3 ชั้นหรือสูงไม่เกิน 10 เมตร และพื้นที่ไม่เกิน 1,000 ตารางเมตร

อยู่ใกล้ถนนสาธารณะที่มีความกว้างน้อยกว่า 6 เมตร ให้ร่นแนวอาคารห่างจาก “กึ่งกลาง” ถนนสาธารณะอย่างน้อย 3 เมตร มิให้มีส่วนของอาคารล้ำเข้ามาในแนวร่นดังกล่าว ยกเว้นรั้วหรือกำแพงกั้นแนวเขตที่สูงไม่เกิน 2 เมตร (ข้อ 50 ข้อบัญญัติ กทม)

บ้านเดี่ยวสูงเกิน 3 ชั้น หรือสูงเกิน 10 เมตร หรือมีพื้นที่เกิน 1,000 ตารางเมตร

บ้านที่มีขนาดกว้างใหญ่ จะมีข้อบัญญัติระบุไว้แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความกว้างของถนนสาธารณะ ซึ่งเมื่อรู้ความกว้างถนนแล้ว ก็ต้องทำการร่นแนวอาคารเข้ามาตามระยะที่บทบัญญัติ กทม. กำหนดไว้ ดังต่อไปนี้

ความกว้างถนนสาธารณะ

ตำแหน่งที่วัดระยะร่น

ระยะร่นจากถนนสาธารณะ

ข้อบัญญัติ

น้อยกว่า 10 เมตร

กึ่งกลางถนน

อย่างน้อย 6 เมตร

(ข้อ 50 (1) ข้อบัญญัติ กทม)

รอแยลเฮ้าส์

น้อยกว่า 10-20 เมตร

เขตถนน

อย่างน้อย 1 ใน 10 ของความกว้างของถนนสาธารณะ

(ข้อ 50 (2) ข้อบัญญัติ กทม)

เกิน 20 เมตรขึ้นไป

เขตถนน

อย่างน้อย 2 เมตร

(ข้อ 50 (3) ข้อบัญญัติ กทม

บ้านเดี่ยวมีที่ดินติดมุมถนนสาธารณะ

ถ้าที่ดินของบ้านเดี่ยวที่อยู่มุมถนนสาธารณะ มีความกว้างตั้งแต่ 3 เมตรแต่ไม่เกิน 8 เมตร และมีมุมหักน้อยกว่า 135 องศา รั้วหรือกำแพงกั้นเขตต้องปาดมุมมีระยะไม่น้อยกว่า 4 เมตร และทำมุมกับแนวถนนสาธารณะเป็นมุมเท่าๆ กัน โดยไม่ให้มีรั้ว กำแพง หรือส่วนของบ้านยื่นล้ำเข้ามาในที่ดินส่วนที่ปาดมุม (ข้อ 51 ข้อบัญญัติ กทม)

ใกล้แหล่งน้ำสาธารณะ

บริษัท รับสร้างบ้าน กทม. จะต้องมีความรู้เรื่องการก่อสร้างอาคารที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำสาธารณะซึ่งจะรวมถึงแม่น้ำ คู และคลอง เพราะนอกจากเรื่องกฎหมายแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับความแข็งแรงของโครงสร้างอีกด้วย

เพราะพื้นดินบริเวณใกล้แม่น้ำจะมีความอ่อนตัว และง่ายต่อการถูกกัดเซาะ ดังนั้นบริษัทรับสร้างบ้าน กทม. จึงจำเป็นต้องเชี่ยวชาญในเรื่องของการก่อสร้างบ้านริมแม่น้ำ อย่างไรก็ตาม บทบัญญัติ กทม. เกี่ยวกับการสร้างบ้านใกล้แหล่งน้ำสาธารณะ ดังนี้

ถ้าแหล่งน้ำนั้นมีความกว้างน้อยกว่า 10 เมตร

ต้องร่นแนวอาคารให้ห่างจากเขตแหล่งน้ำนั้นไม่น้อยกว่า 3 เมตร

ถ้าแหล่งน้ำนั้นกว้างตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป

ต้องร่นแนวอาคารให้ห่างจากเขตแหล่งน้ำนั้นไม่น้อยกว่า 6 เมตร (ข้อ 42 กฎกระทรวงฉบับที่ 55)

สำหรับแหล่งน้ำขนาดใหญ่

เช่น ทะเลสาบ ทะเล ต้องร่นแนวอาคารให้ห่างจากเขตแหล่งน้ำนั้นอย่างน้อย 12 เมตร

และทั้งหมดนี้คือข้อบัญญัติเกี่ยวกับระยะย่น ในการสร้างบ้านในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งข้อมูลระยะร่นนี้มีความจำเป็นทั้งต่อผู้อยู่อาศัย และบริษัทรับสร้างบ้าน กทม. เพราะจะได้รู้รายละเอียด และพูดคุยกันได้ โดยมีข้อมูลชุดเดียวกัน จึงทำให้ทำการตกลง และเข้าใจเหตุผลต่าง ๆ ของการก่อสร้างได้มากขึ้น ส่งผลให้กฎหมายระยะร่นมีความจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างบ้านนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่กำลังมองหาบริษัท รับสร้างบ้าน กทม. สามารถเลือกใช้บริการ Royal house ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้านที่ให้บริการเกี่ยวกับบ้านอย่างครบถ้วน รวมถึงมีผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือ และเป็นผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับสร้างบ้านมาอย่างดี หากสนใจสามารถติดต่อได้ที่ Line: @royalhouse