--d — различия между версиями

Материал из ТОГБУ Компьютерный Центр
Перейти к: навигация, поиск
м (--d)
м (--d)
Строка 1: Строка 1:
<p>เมื่อพูดถึงกระแสศิลปะในยุคใหม่นั้น การเปลี่ยนความเชื่อและแนวคิดในสิ่งต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าแปลกใจอีกต่อไป ในช่วงหนึ่งที่ผ่านมา เราเคยมีวิถีแห่งการจัดงานศพอยู่เป็นที่ยอมรับ ด้วยการสร้างดอกไม้งานศพขึ้นด้วยกัน เพื่อแสดงถึงความเผื่อแผ่ที่ยิ่งใหญ่ของคนไทย และเพื่อเป็นการแสดงความอาลัยหรือความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตอย่างสมควร แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ในยุคใหม่นี้ การใช้ดอกไม้งานศพกลายเป็นที่น่าสร้างสรรค์และน่าทึ่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ ร่วมมาดูกันว่าความเปลี่ยนแปลงด้วยเล่าอย่างไรในบทความนี้!</p><br /><br /><p>ในอดีต ดอกไม้งานศพถือเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเศร้าโศกหรือรู้สึกเสียใจในการเสียชีวิตของผู้คน เทียบได้ว่าดอกไม้งานศพเปรียบเสมือนน้ำตาของเราที่ไหลล้นทั่วอินทรี แต่ในยุคปัจจุบันนี้ ดอกไม้งานศพถูกนำมาประยุกต์ใช้ในสิ่งสร้างสรรค์หลากหลายอย่าง เช่นการทำจักสาน การทำป้ายต่างๆ หรือใช้เป็นวัตถุประดิษฐ์ในงานศิลปะ เพียงแค่เปลี่ยนมุมมองและความคิดอย่างละเอียด ก็สามารถสร้างผลงานที่น่าสร้างสรรค์และน่าตื่นเต้นในลักษณะใหม่ได้ เช่นการใช้ดอกไม้หลายสีประจำตัวในงานศิลปะอีกทางเลือกหนึ่ง เพื่อแสดงถึงความหลากหลายและความสง่างามในความทันสมัยของเรา ดังนั้น ดอกไม้งานศพจึงเป็นเรื่องสร้างสรรค์ใหม่ในยุคยิ่งใหม่!</p><br /><br /><h3 id="ประโยชน์และความสำคัญของดอกไม้งานศพ">ประโยชน์และความสำคัญของดอกไม้งานศพ</h3><br /><br /><p>ดอกไม้งานศพเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากในการจัดงานศพ เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความอบอุ่นและความเสมอภาคที่เราสามารถมอบให้กับบุคคลที่เสียชีวิตไปแล้ว เครื่องประดับดอกไม้งานศพที่นำมาตกแต่งบริเวณหลังคารวังของผู้เสียชีวิต จะสร้างความสมดุลและสร้างสรรค์บรรยากาศให้กับพิธีการศพ</p><br /><br /><p>ดอกไม้งานศพยังสามารถสร้างความเชื่อมั่นและความทรงจำในใจผู้ที่อยู่ในงานศพได้ มีความสมบูรณ์และสวยงามของดอกไม้เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยทำให้เราจำได้ความประทับใจต่อคนที่ได้รับการไปของเขา</p><br /><br /><p>ดอกไม้งานศพยังมีประโยชน์ทางเศรษฐกิจอีกด้วย เพราะการจัดหาดอกไม้ในงานศพ จะเป็นทางให้ธุรกิจด้านการขายดอกไม้มีโอกาสได้รับรายได้ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการจัดส่งงานศพและการจัดงานศพให้ดีขึ้นด้วย</p><br /><br /><p>นอกจากนี้ รัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ ยังสนับสนุนการปรับใช้ดอกไม้งานศพในประเทศ เพื่อเป็นการส่งเสริมธุรกิจด้านการปลูกดอกไม้และการส่งออกดอกไม้ และยังส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและสถาบันของชาวไทยอีกด้วย</p><br /><br /><h3 id="แนวคิดใหม่ในการใช้งานดอกไม้งานศพ">แนวคิดใหม่ในการใช้งานดอกไม้งานศพ</h3><br /><br /><p>ดอกไม้งานศพ เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงในพิธีการรำลึกถวายพระเจ้าและรำลึกถวายแด่ผู้ที่ได้จากไปแล้ว แต่ในยุคใหม่นี้เราสามารถใช้งานดอกไม้งานศพให้เกิดการสร้างสรรค์และความเปลี่ยนแปลงได้อย่างไม่ธรรมดา</p><br /><br /> [https://themilev.org/%e0%b9%82%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b9%82%e0%b8%a1%e0%b8%97/the-beauty-of-funeral-flowers-%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%89%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%a8%e0%b8%9e/ พวงหรีดดอกไม้สดแสดงความเสียใจ] <br /><br /><h3 id="การใช้งานดอกไม้งานศพในงานศิลปะ">การใช้งานดอกไม้งานศพในงานศิลปะ</h3><br /><br /><p>การนำดอกไม้งานศพมาใช้ในงานศิลปะถือเป็นแนวคิดใหม่ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ช่างฝีมือและศิลปินมีความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่ใช้เป็นวัตถุดิบทำจากดอกไม้งานศพ เช่น การสร้างชิ้นงานปั้นจากดอกไม้งานศพหรือการเรียงลำดับดอกไม้แล้วเป็นผลงานศิลปะที่มีความพิเศษและไม่เหมือนใคร</p><br /><br /><h3 id="การใช้งานดอกไม้งานศพในงานออกแบบ">การใช้งานดอกไม้งานศพในงานออกแบบ</h3><br /><br /><p>ดอกไม้งานศพยังเหมาะสำหรับการใช้งานในงานออกแบบที่มีลักษณะคลาสสิกและสง่างาม รูปแบบของดอกไม้งานศพสามารถนำมาประกอบเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบภายในห้องสมุด หรือใช้เป็นชิ้นส่วนในการออกแบบเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับแบบต่างๆ ซึ่งจะให้ลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์และน่าสนใจให้กับผลงานนั้นๆ</p><br /><br /><h3 id="การสร้างสรรค์และการออกแบบดอกไม้งานศพในยุคใหม่">การสร้างสรรค์และการออกแบบดอกไม้งานศพในยุคใหม่</h3><br /><br /><p>ในยุคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราได้เห็นการสร้างสรรค์และการออกแบบที่น่าทึ่งของดอกไม้งานศพในยุคใหม่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดอกไม้งานศพไม่เพียงแค่เป็นสัญลักษณ์ของการร่วมโลกลาวกับผู้ได้ลำเสียชีวิต แต่เราสามารถแสดงอารมณ์ ความหมาย และความรักที่เรามีต่อผู้ที่สิ้นชีวิตในวิธีที่แตกต่างกันไปได้</p><br /><br /><p>หนึ่งในวิธีการสร้างสรรค์ที่เป็นที่นิยมในยุคใหม่คือการใช้ดอกไม้ที่ไม่ได้เก็บไว้ในสภาพธรรมชาติสร้างเป็นสร้อยพวงหรี่ผู้สิ้นชีวิต เช่น ดอกไม้จากกระดาษหรือผ้า ดอกไม้เหล็ก หรือ ดอกไม้จากชุดแผ่นยาง การใช้วัสดุที่ไม่ผิดสิ่งแวดล้อมในการสร้างดอกไม้งานศพเกิดขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์และความตั้งใจที่ดีเพื่อประโยชน์ของสิ่งแวดล้อมและสังคม</p><br /><br /><p>อีกหนึ่งแนวทางในการสร้างสรรค์ดอกไม้งานศพในยุคใหม่คือการออกแบบด้วยความแตกต่าง ไม่ได้จำกัดเพียงแค่การใช้สีดอกไม้ รูปร่าง หรือการจัดวาง แต่ที่สำคัญที่สุดคือการสร้างผลงานที่นำเสนอเรื่องราวและอารมณ์ของผู้ที่สิ้นชีวิตอย่างสร้างสรรค์ ด้วยการใช้สัญลักษณ์ การระบายสี หรือการเพิ่มเติมองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ช่วยให้ดอกไม้งานศพนั้นเป็นเรื่องสร้างสรรค์และเปิดโอกาสในการให้ลุคผ่านเรื่องราวของชีวิตที่สิ้นสุด</p><br /><br /> [https://notes.io/wic6t ดอกไม้ ความตาย] <br /><br /><br /><br /><br /><br /><p>ด้วยนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ในยุคใหม่ เราสามารถสร้างดอกไม้งานศพให้แตกต่างได้อย่างสุดสรรค์ และเป็นเรื่องสร้างสรรค์ที่สอดคล้องกับความต้องการและความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมและความเชื่อของเรา เพื่อเป็นการเศร้าสลดบาปแก่ผู้ที่สิ้นชีวิต และให้กำลังใจแก่คนใกล้ชิดที่ต้องพลัดพรากไปครอบครัวและเพื่อน ๆ</p><br /><br />
+
<p>พระกรุณาและความห่วงใยของพระเจ้าต่อโลกทั้งใบเป็นข้อพิสูจน์ถึงความรักของพระองค์ต่อมนุษยชาติ เรียกว่าพระคุณส่วนรวมของพระองค์ พวกเราหลายคนไม่คุ้นเคยกับความรักที่พระเจ้าทรงเลือกสรร มีประสิทธิภาพ และพิเศษเฉพาะต่อพระองค์ที่พระองค์ทรงเลือกสรร ความรักนี้เองที่รับประกันการไถ่ของเราและช่วยให้เราได้รับการยอมรับเข้าสู่ครอบครัวของพระเจ้า</p><br /><br /><h2>ความรักต่อพระเจ้า</h2><br /><br /><p>ความรักของพระเจ้าต่อสิ่งสร้างอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์สามารถเห็นได้ในความรักอันไม่สิ้นสุดของพระองค์ เผยให้เห็นธรรมชาติและพระอุปนิสัยของพระเจ้าตลอดจนพระคุณลักษณะของพระองค์ ความรักนี้ยังเผยให้เห็นถึงธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าผ่านการทรงสร้าง การไถ่บาป และความรอดของพระองค์ เป็นส่วนแรกของธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์ จริงๆ แล้ว นี่เป็นเหตุผลที่พระเจ้าสร้างโลกนั่นเอง เป็นโรงละครที่แผนการแห่งความรักของพระองค์สามารถบรรลุผลและแสดงให้มวลมนุษยชาติเห็น เป็นความรักที่มีพื้นฐานอยู่บนความดี ความยุติธรรม และความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า</p><br /><br /><p>พระคัมภีร์พูดถึงบ่อยครั้งเกี่ยวกับความรักและการอุทิศตนของพระเจ้าต่อประชากรของพระองค์ โดยเฉพาะอิสราเอลและคริสตจักร พระคัมภีร์บรรยายถึงความรักว่าเป็นความรักที่มีเงื่อนไขและต่ออายุซึ่งแสดงออกมาด้วยความเคารพและการเชื่อฟังพระเจ้า (ฮีบรู 12:5-6) นี่คือความรักจากพระเจ้า ผู้ทรงไม่เชื่อฟังวิสุทธิชนที่กบฏและโอบรับพระบุตรสุรุ่ยสุร่ายหลังจากที่พระองค์เสด็จกลับบ้านเพื่อคืนดีกับครอบครัว</p><br /><br /><br /><br /><br /><br /><p>ในพันธสัญญาใหม่ เราอ่านถึงความรักอีกแบบหนึ่งซึ่งเป็นความรักประเภทอื่น พระคัมภีร์กล่าวว่าในยอห์น 3:16 เราเรียนรู้ว่า "เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ถวายพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อใครก็ตามที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์" ความรักประเภทนี้สามารถอธิบายได้ว่าเป็นความรักใคร่ที่เฉพาะเจาะจง มีประสิทธิภาพ และเลือกสรรเป็นพิเศษสำหรับผู้ได้รับเลือก (ดูโรม 10:13; เอเฟซัส 1:5; ยอห์น 1:16; 2:13)</p><br /><br /><p>ความรักประเภทนี้สามารถแสดงได้ผ่านการเสียสละและการเสียสละของผู้อื่นอย่างไม่เห็นแก่ตัว เป็นความหลงใหลที่สร้างแรงบันดาลใจและแสดงให้เห็นพลังถึงพระคุณอันอุดมของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ของเรา (ดูพระคัมภีร์ เช่น โรม 8:38-39)</p><br /><br /><p>ความจริงก็คือคริสเตียนจำนวนมากไม่เข้าใจความจริงที่ว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก ผู้เผยพระวจนะชาวฮีบรูตระหนักถึงความจริง พระเยซูทรงแสดงให้เห็นและสอนเรื่องนี้ และยอห์นอัครสาวกก็กล่าวเช่นเดียวกัน วิทยาศาสตร์คริสเตียนถูกทิ้งให้ดึงความสนใจไปที่ข้อเท็จจริงนี้ และดึงเอาความหมายอันกว้างใหญ่ของมันออกมา ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้จะช่วยให้มนุษยชาติได้รับชัยชนะในทุกแง่มุมของการต่อสู้กับความชั่วร้าย</p><br /><br /><h2>สิ่งสร้างทั้งหมดคือความรัก</h2><br /><br /><p>ท่ามกลางแผนการอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์สำหรับจักรวาล พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะมีความรักและความสัมพันธ์ที่พิเศษที่สุดกับมนุษยชาติ ผู้ที่พระองค์ทรงสร้างตามพระฉายาของพระองค์ ความรักของพระเจ้าในการทรงสร้างของพระองค์สามารถเห็นได้หลายวิธี แต่สิ่งที่น่าสังเกตมากที่สุดก็คือวิธีที่พระองค์ทรงปฏิบัติต่อมนุษยชาติในปฐมกาล</p><br /><br /><p>พระเจ้าทรงสร้างชายและหญิงตามพระฉายาของพระองค์ แต่พระองค์ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น พระเจ้าทรงรักพวกเขาอย่างสุดซึ้งจนพระองค์ทรงจัดเตรียมอาหารให้พวกเขาในระหว่างที่พวกเขากบฏต่อพระองค์ พระองค์ทรงเชือดสัตว์และสวมเสื้อผ้าเพื่อแสดงความเมตตากรุณาและความเสน่หาของพระองค์ต่อผู้คน ไม่ใช่สิ่งที่เราได้ยินในวันนี้ มันเรียกว่าอากาเป้ พระเยซูคริสต์ทรงแสดงให้สานุศิษย์ของพระองค์เห็น</p><br /><br /><p>นั่นเป็นเพียงหนึ่งในหลายเหตุผลสำคัญที่ต้องทราบความแตกต่างระหว่างอีรอสและแอกเป อีรอส คำภาษากรีกสำหรับความรักทางเพศแตกต่างจากอากาเป้ ใครก็ตามที่ทำให้ทั้งสองคำสับสน จะถือว่าพลาดองค์ประกอบสำคัญของความรักของพระเจ้า</p><br /><br /><p>หลายคนไม่สามารถเข้าใจว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่เต็มไปด้วยความรัก มีคนที่เชื่อว่าพระเจ้าไม่ได้รักโลกทั้งใบเนื่องจากตัณหาหรือความกลัว แต่นี่ไม่ใช่สมมติฐานที่ถูกต้อง ตามพระคัมภีร์ ความรักของพระเจ้าคือการสำแดงความรักของพระองค์ เช่นเดียวกับความปรารถนาของพระองค์ต่อชุมชนที่ประกอบด้วยผู้คนที่ได้รับการไถ่บาป</p><br /><br /><p>ความรักของพระเจ้าที่มีต่อโลกของพระองค์ได้รับการพิสูจน์ด้วยความจริงที่ว่าพระองค์ทรงสร้างมันขึ้นมาจากความว่างเปล่า นี่เป็นการพิสูจน์ว่าธรรมชาติ รูปร่าง และความสำคัญของจักรวาลทั้งหมดเป็นผลมาจากพระองค์ พระองค์คือผู้ทรงให้ชีวิตแก่คนตาย และพระองค์คือผู้ประทานชีวิตให้กับทุกสิ่งที่พระองค์เป็นผู้สร้าง</p><br /><br /><p>นี่หมายความว่าเราควรจะต้องให้เกียรติสิ่งสร้างของพระเจ้า รวมถึงความชั่วร้ายที่มีอยู่ในนั้นด้วย ทุกใบไม้ ทุกแสงตะวัน หรือแม้แต่ทั้งโลกควรได้รับความรัก แต่สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่าไม่ใช่ทั้งหมดจะรอดได้ ไม่ใช่เพราะพระเจ้าไม่ใส่ใจ แต่เพียงเพราะพระเจ้าทรงรักเฉพาะผู้ที่ได้รับการยอมรับเข้าสู่อาณาจักรของพระองค์เท่านั้น</p><br /><br /><h2>ความเป็นมนุษย์คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับฉัน</h2><br /><br /><p>พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างมวลมนุษยชาติ พระเจ้าทรงรักพวกเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์เพราะบาปของเขา และข้อความข่าวประเสริฐของพระองค์ที่พระองค์ตรัสนั้นเป็นพยานถึงความรักอันไม่มีเงื่อนไขของพระเจ้าต่อมวลมนุษยชาติ นอกจากนี้ ความรักที่พระองค์ทรงมีต่อพวกเขาปรากฏชัดในความเมตตาแห่งพันธสัญญาและพรที่พระองค์ประทานแก่ผู้คนอันเป็นที่รักของพระองค์ ความศรัทธาอันแน่วแน่ (อ้าปากค้าง) สำหรับประชากรของพระองค์จะไม่มีวันสิ้นสุด แม้ว่าพวกเขาจะทำบาปด้วยการไหว้รูปเคารพหรือกระทำบาปต่อเขาก็ตาม</p><br /><br /><p>คำว่า agape (จากภาษากรีก "agathon") ให้คำจำกัดความของความรักคือการเสียสละตนเอง เรื่องราวของชาวสะมาเรียผู้ใจดีแสดงให้เห็นความรักแบบเสียสละตนเองเช่นนี้ ความรักเป็นรากฐานของแผนการของพระเจ้าเพื่อช่วยมนุษยชาติตลอดไป</p><br /><br /><p>พระคัมภีร์มีตัวอย่างมากมายเกี่ยวกับความรักที่พระเจ้ามีต่อสิ่งมีชีวิตของพระองค์ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือความรักของพระเจ้าในพระบุตรของพระองค์ ความรักนี้เองที่ผลักดันให้พระองค์เสียสละพระบุตรของพระองค์ที่ไม้กางเขนเพื่อให้แน่ใจว่ามนุษยชาติจะได้รับการไถ่บาป (ยอห์น 3:16)</p><br /><br /><p>วินัยอันศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าสามารถกำหนดให้กับลูกๆ ที่รักของพระองค์เป็นอีกวิธีที่พระองค์ทรงแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อมวลมนุษยชาติ นี่ไม่ใช่การลงโทษ แต่เป็นกระบวนการที่แสดงให้พวกเขาเห็นว่าควรประพฤติตนอย่างไรให้คู่ควรกับเกียรติของพระเจ้าและอาณาจักรของพระองค์ (1 เปโตร 4:17) นอกจากนี้ยังมีความรักที่ทรงสถิตอยู่ของพระเจ้าซึ่งช่วยให้คริสเตียนสามารถแสดงความรักต่อผู้อื่นได้ (1 ยอห์น 4:16) ความรักที่แสดงต่อคริสเตียนไม่ได้ถือเป็นการเชื่อฟังหรือศรัทธา แต่เป็นส่วนสำคัญของการประสูติของพระเจ้า</p><br /><br /><p>อีรอสเป็นเทพีแห่งความรักของกรีก โดยปกติจะใช้ธนูและลูกธนูของเขา อีรอสเป็นเทพขี้เล่นที่ชอบเล่นกับเทพอื่นๆ เช่น ฮีโร่ เทพ และอื่นๆ ครั้งหนึ่งเขาเคยทำให้เจ้าหญิง Medea ตกหลุมรักในขณะที่เธอค้นหาขนแกะทองคำ นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของการใช้เทพเจ้าแห่งความรักในโลกยุคแรกเพื่อสร้างความรักและความโรแมนติก</p><br /><br /><p>ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขที่พระเจ้ามีต่อเรานั้นแสดงออกมาตลอดทั้งพันธสัญญาใหม่ด้วยคำที่แตกต่างกัน รวมถึง philia ("พี่น้อง") เช่นเดียวกับ storge ("ความเป็นพ่อ") เช่นเดียวกับ eros "โรแมนติก" ในพระคัมภีร์ พระคัมภีร์เน้นถึงความสำคัญของอากาเป้ (ความรัก) นี่คือความรักอันเอื้อเฟื้อของพระเจ้าต่อมนุษยชาติซึ่งกระตุ้นพระองค์ให้ส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เพื่อความรอดของพวกเขา</p><br /><br /><h2>คริสตจักรเป็นศูนย์กลางของชีวิตของคุณ</h2><br /><br /><p>ความรักของพระเจ้าและคริสตจักรของพระองค์เป็นหัวใจสำคัญของชีวิตคริสเตียน พระคัมภีร์มีการอ้างอิงถึงความรักมากมาย นอกจากนี้คำว่า "ความรัก" ถูกใช้มากกว่า 310 ครั้งในฉบับคิงเจมส์ นี่เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น และสิ่งสำคัญคือเราต้องรู้ว่าความรักถูกนำมาใช้ในบริบทที่ต่างกัน ผู้เขียนพระคัมภีร์ใช้คำหลากหลายในการอธิบายความรัก ซึ่งรวมถึง อากาเป้ ฟิเลโอ และแม้แต่อากาเป้ คาร์สันเสนอว่าพระคัมภีร์พรรณนาถึงรูปแบบความรักใคร่ห้ารูปแบบที่สังเกตได้</p><br /><br /><p>อย่างแรกคืออันที่มีรากฐานมาจากการยอมจำนนต่อพระคริสต์ ประการที่สอง ความรักเกิดจากการให้อภัยและความเห็นอกเห็นใจ ความรักแบบที่เห็นได้จากเรื่องราวต่างๆ ของพระเยซู เป็นความเมตตาที่ทำให้เราตามหาผู้สูญหายและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ นี่คือความรักประเภทที่ปฏิเสธที่จะคาดเดาหรือสงสัยในตัวบุคคล รักทุกคนและเชื่อว่าพวกเขาบริสุทธิ์จนกว่าพวกเขาจะพิสูจน์ว่ามีความผิด</p><br /><br /><p>พระวิญญาณบริสุทธิ์สามารถทำให้เกิดความรักเพิ่มเติมได้ นี่คือความรักที่ไม่ผูกพันกับวัตถุสิ่งของในโลกนี้ มันมุ่งเน้นไปที่จิตวิญญาณของผู้ชาย ความรักประเภทนี้สามารถเห็นได้จากการประกาศข่าวดีและพันธกิจมิชชันนารีของคริสตจักร ความรักที่แสดงออกมานั้นชัดเจนในความเอาใจใส่ที่คริสตจักรแสดงต่อสมาชิก</p><br /><br /><p>ยังมีความรักประเภทที่สี่ซึ่งโดดเด่นด้วยประสิทธิภาพและความชำนาญพิเศษสำหรับผู้ได้รับเลือก เป็นความรักแบบที่ทำให้พระเจ้าประทานพระพรแห่งชีวิตนิรันดร์ผ่านทางพระคริสต์แก่เรา และมีประสบการณ์และยอมรับเฉพาะผู้ที่ได้รับเลือกเท่านั้น นี่คือความรักที่โดดเด่นและเฉพาะเจาะจงที่ทำให้ผู้ที่ได้รับเลือกจากพวกเราทุกคนแตกต่าง</p><br /><br /><p>การคัดค้านแนวคิดเรื่องอากาเป้มากมายเกิดขึ้นจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความรักประเภทนี้ ตัวอย่างเช่น คริสเตียนบางคนไม่เห็นด้วยกับคำสอนของอากาเป้ เพราะพวกเขาเชื่อว่าความรักนี้ไม่ใช่ความรักแบบสากล และอยากจะมีคนในจินตนาการมากกว่าความเป็นจริง เหตุผลก็คือว่ามันสร้างความสับสนระหว่างธรรมชาติของความรักที่แท้จริงและสมบูรณ์แบบกับแก่นแท้ของพระเจ้าพระองค์เอง</p><br /><br />

Версия 11:15, 4 февраля 2024

พระกรุณาและความห่วงใยของพระเจ้าต่อโลกทั้งใบเป็นข้อพิสูจน์ถึงความรักของพระองค์ต่อมนุษยชาติ เรียกว่าพระคุณส่วนรวมของพระองค์ พวกเราหลายคนไม่คุ้นเคยกับความรักที่พระเจ้าทรงเลือกสรร มีประสิทธิภาพ และพิเศษเฉพาะต่อพระองค์ที่พระองค์ทรงเลือกสรร ความรักนี้เองที่รับประกันการไถ่ของเราและช่วยให้เราได้รับการยอมรับเข้าสู่ครอบครัวของพระเจ้า



ความรักต่อพระเจ้า



ความรักของพระเจ้าต่อสิ่งสร้างอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์สามารถเห็นได้ในความรักอันไม่สิ้นสุดของพระองค์ เผยให้เห็นธรรมชาติและพระอุปนิสัยของพระเจ้าตลอดจนพระคุณลักษณะของพระองค์ ความรักนี้ยังเผยให้เห็นถึงธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าผ่านการทรงสร้าง การไถ่บาป และความรอดของพระองค์ เป็นส่วนแรกของธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์ จริงๆ แล้ว นี่เป็นเหตุผลที่พระเจ้าสร้างโลกนั่นเอง เป็นโรงละครที่แผนการแห่งความรักของพระองค์สามารถบรรลุผลและแสดงให้มวลมนุษยชาติเห็น เป็นความรักที่มีพื้นฐานอยู่บนความดี ความยุติธรรม และความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า



พระคัมภีร์พูดถึงบ่อยครั้งเกี่ยวกับความรักและการอุทิศตนของพระเจ้าต่อประชากรของพระองค์ โดยเฉพาะอิสราเอลและคริสตจักร พระคัมภีร์บรรยายถึงความรักว่าเป็นความรักที่มีเงื่อนไขและต่ออายุซึ่งแสดงออกมาด้วยความเคารพและการเชื่อฟังพระเจ้า (ฮีบรู 12:5-6) นี่คือความรักจากพระเจ้า ผู้ทรงไม่เชื่อฟังวิสุทธิชนที่กบฏและโอบรับพระบุตรสุรุ่ยสุร่ายหลังจากที่พระองค์เสด็จกลับบ้านเพื่อคืนดีกับครอบครัว







ในพันธสัญญาใหม่ เราอ่านถึงความรักอีกแบบหนึ่งซึ่งเป็นความรักประเภทอื่น พระคัมภีร์กล่าวว่าในยอห์น 3:16 เราเรียนรู้ว่า "เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ถวายพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อใครก็ตามที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์" ความรักประเภทนี้สามารถอธิบายได้ว่าเป็นความรักใคร่ที่เฉพาะเจาะจง มีประสิทธิภาพ และเลือกสรรเป็นพิเศษสำหรับผู้ได้รับเลือก (ดูโรม 10:13; เอเฟซัส 1:5; ยอห์น 1:16; 2:13)



ความรักประเภทนี้สามารถแสดงได้ผ่านการเสียสละและการเสียสละของผู้อื่นอย่างไม่เห็นแก่ตัว เป็นความหลงใหลที่สร้างแรงบันดาลใจและแสดงให้เห็นพลังถึงพระคุณอันอุดมของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ของเรา (ดูพระคัมภีร์ เช่น โรม 8:38-39)



ความจริงก็คือคริสเตียนจำนวนมากไม่เข้าใจความจริงที่ว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก ผู้เผยพระวจนะชาวฮีบรูตระหนักถึงความจริง พระเยซูทรงแสดงให้เห็นและสอนเรื่องนี้ และยอห์นอัครสาวกก็กล่าวเช่นเดียวกัน วิทยาศาสตร์คริสเตียนถูกทิ้งให้ดึงความสนใจไปที่ข้อเท็จจริงนี้ และดึงเอาความหมายอันกว้างใหญ่ของมันออกมา ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้จะช่วยให้มนุษยชาติได้รับชัยชนะในทุกแง่มุมของการต่อสู้กับความชั่วร้าย



สิ่งสร้างทั้งหมดคือความรัก



ท่ามกลางแผนการอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์สำหรับจักรวาล พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะมีความรักและความสัมพันธ์ที่พิเศษที่สุดกับมนุษยชาติ ผู้ที่พระองค์ทรงสร้างตามพระฉายาของพระองค์ ความรักของพระเจ้าในการทรงสร้างของพระองค์สามารถเห็นได้หลายวิธี แต่สิ่งที่น่าสังเกตมากที่สุดก็คือวิธีที่พระองค์ทรงปฏิบัติต่อมนุษยชาติในปฐมกาล



พระเจ้าทรงสร้างชายและหญิงตามพระฉายาของพระองค์ แต่พระองค์ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น พระเจ้าทรงรักพวกเขาอย่างสุดซึ้งจนพระองค์ทรงจัดเตรียมอาหารให้พวกเขาในระหว่างที่พวกเขากบฏต่อพระองค์ พระองค์ทรงเชือดสัตว์และสวมเสื้อผ้าเพื่อแสดงความเมตตากรุณาและความเสน่หาของพระองค์ต่อผู้คน ไม่ใช่สิ่งที่เราได้ยินในวันนี้ มันเรียกว่าอากาเป้ พระเยซูคริสต์ทรงแสดงให้สานุศิษย์ของพระองค์เห็น



นั่นเป็นเพียงหนึ่งในหลายเหตุผลสำคัญที่ต้องทราบความแตกต่างระหว่างอีรอสและแอกเป อีรอส คำภาษากรีกสำหรับความรักทางเพศแตกต่างจากอากาเป้ ใครก็ตามที่ทำให้ทั้งสองคำสับสน จะถือว่าพลาดองค์ประกอบสำคัญของความรักของพระเจ้า



หลายคนไม่สามารถเข้าใจว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่เต็มไปด้วยความรัก มีคนที่เชื่อว่าพระเจ้าไม่ได้รักโลกทั้งใบเนื่องจากตัณหาหรือความกลัว แต่นี่ไม่ใช่สมมติฐานที่ถูกต้อง ตามพระคัมภีร์ ความรักของพระเจ้าคือการสำแดงความรักของพระองค์ เช่นเดียวกับความปรารถนาของพระองค์ต่อชุมชนที่ประกอบด้วยผู้คนที่ได้รับการไถ่บาป



ความรักของพระเจ้าที่มีต่อโลกของพระองค์ได้รับการพิสูจน์ด้วยความจริงที่ว่าพระองค์ทรงสร้างมันขึ้นมาจากความว่างเปล่า นี่เป็นการพิสูจน์ว่าธรรมชาติ รูปร่าง และความสำคัญของจักรวาลทั้งหมดเป็นผลมาจากพระองค์ พระองค์คือผู้ทรงให้ชีวิตแก่คนตาย และพระองค์คือผู้ประทานชีวิตให้กับทุกสิ่งที่พระองค์เป็นผู้สร้าง



นี่หมายความว่าเราควรจะต้องให้เกียรติสิ่งสร้างของพระเจ้า รวมถึงความชั่วร้ายที่มีอยู่ในนั้นด้วย ทุกใบไม้ ทุกแสงตะวัน หรือแม้แต่ทั้งโลกควรได้รับความรัก แต่สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่าไม่ใช่ทั้งหมดจะรอดได้ ไม่ใช่เพราะพระเจ้าไม่ใส่ใจ แต่เพียงเพราะพระเจ้าทรงรักเฉพาะผู้ที่ได้รับการยอมรับเข้าสู่อาณาจักรของพระองค์เท่านั้น



ความเป็นมนุษย์คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับฉัน



พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างมวลมนุษยชาติ พระเจ้าทรงรักพวกเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์เพราะบาปของเขา และข้อความข่าวประเสริฐของพระองค์ที่พระองค์ตรัสนั้นเป็นพยานถึงความรักอันไม่มีเงื่อนไขของพระเจ้าต่อมวลมนุษยชาติ นอกจากนี้ ความรักที่พระองค์ทรงมีต่อพวกเขาปรากฏชัดในความเมตตาแห่งพันธสัญญาและพรที่พระองค์ประทานแก่ผู้คนอันเป็นที่รักของพระองค์ ความศรัทธาอันแน่วแน่ (อ้าปากค้าง) สำหรับประชากรของพระองค์จะไม่มีวันสิ้นสุด แม้ว่าพวกเขาจะทำบาปด้วยการไหว้รูปเคารพหรือกระทำบาปต่อเขาก็ตาม



คำว่า agape (จากภาษากรีก "agathon") ให้คำจำกัดความของความรักคือการเสียสละตนเอง เรื่องราวของชาวสะมาเรียผู้ใจดีแสดงให้เห็นความรักแบบเสียสละตนเองเช่นนี้ ความรักเป็นรากฐานของแผนการของพระเจ้าเพื่อช่วยมนุษยชาติตลอดไป



พระคัมภีร์มีตัวอย่างมากมายเกี่ยวกับความรักที่พระเจ้ามีต่อสิ่งมีชีวิตของพระองค์ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือความรักของพระเจ้าในพระบุตรของพระองค์ ความรักนี้เองที่ผลักดันให้พระองค์เสียสละพระบุตรของพระองค์ที่ไม้กางเขนเพื่อให้แน่ใจว่ามนุษยชาติจะได้รับการไถ่บาป (ยอห์น 3:16)



วินัยอันศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าสามารถกำหนดให้กับลูกๆ ที่รักของพระองค์เป็นอีกวิธีที่พระองค์ทรงแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อมวลมนุษยชาติ นี่ไม่ใช่การลงโทษ แต่เป็นกระบวนการที่แสดงให้พวกเขาเห็นว่าควรประพฤติตนอย่างไรให้คู่ควรกับเกียรติของพระเจ้าและอาณาจักรของพระองค์ (1 เปโตร 4:17) นอกจากนี้ยังมีความรักที่ทรงสถิตอยู่ของพระเจ้าซึ่งช่วยให้คริสเตียนสามารถแสดงความรักต่อผู้อื่นได้ (1 ยอห์น 4:16) ความรักที่แสดงต่อคริสเตียนไม่ได้ถือเป็นการเชื่อฟังหรือศรัทธา แต่เป็นส่วนสำคัญของการประสูติของพระเจ้า



อีรอสเป็นเทพีแห่งความรักของกรีก โดยปกติจะใช้ธนูและลูกธนูของเขา อีรอสเป็นเทพขี้เล่นที่ชอบเล่นกับเทพอื่นๆ เช่น ฮีโร่ เทพ และอื่นๆ ครั้งหนึ่งเขาเคยทำให้เจ้าหญิง Medea ตกหลุมรักในขณะที่เธอค้นหาขนแกะทองคำ นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของการใช้เทพเจ้าแห่งความรักในโลกยุคแรกเพื่อสร้างความรักและความโรแมนติก



ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขที่พระเจ้ามีต่อเรานั้นแสดงออกมาตลอดทั้งพันธสัญญาใหม่ด้วยคำที่แตกต่างกัน รวมถึง philia ("พี่น้อง") เช่นเดียวกับ storge ("ความเป็นพ่อ") เช่นเดียวกับ eros "โรแมนติก" ในพระคัมภีร์ พระคัมภีร์เน้นถึงความสำคัญของอากาเป้ (ความรัก) นี่คือความรักอันเอื้อเฟื้อของพระเจ้าต่อมนุษยชาติซึ่งกระตุ้นพระองค์ให้ส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เพื่อความรอดของพวกเขา



คริสตจักรเป็นศูนย์กลางของชีวิตของคุณ



ความรักของพระเจ้าและคริสตจักรของพระองค์เป็นหัวใจสำคัญของชีวิตคริสเตียน พระคัมภีร์มีการอ้างอิงถึงความรักมากมาย นอกจากนี้คำว่า "ความรัก" ถูกใช้มากกว่า 310 ครั้งในฉบับคิงเจมส์ นี่เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น และสิ่งสำคัญคือเราต้องรู้ว่าความรักถูกนำมาใช้ในบริบทที่ต่างกัน ผู้เขียนพระคัมภีร์ใช้คำหลากหลายในการอธิบายความรัก ซึ่งรวมถึง อากาเป้ ฟิเลโอ และแม้แต่อากาเป้ คาร์สันเสนอว่าพระคัมภีร์พรรณนาถึงรูปแบบความรักใคร่ห้ารูปแบบที่สังเกตได้



อย่างแรกคืออันที่มีรากฐานมาจากการยอมจำนนต่อพระคริสต์ ประการที่สอง ความรักเกิดจากการให้อภัยและความเห็นอกเห็นใจ ความรักแบบที่เห็นได้จากเรื่องราวต่างๆ ของพระเยซู เป็นความเมตตาที่ทำให้เราตามหาผู้สูญหายและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ นี่คือความรักประเภทที่ปฏิเสธที่จะคาดเดาหรือสงสัยในตัวบุคคล รักทุกคนและเชื่อว่าพวกเขาบริสุทธิ์จนกว่าพวกเขาจะพิสูจน์ว่ามีความผิด



พระวิญญาณบริสุทธิ์สามารถทำให้เกิดความรักเพิ่มเติมได้ นี่คือความรักที่ไม่ผูกพันกับวัตถุสิ่งของในโลกนี้ มันมุ่งเน้นไปที่จิตวิญญาณของผู้ชาย ความรักประเภทนี้สามารถเห็นได้จากการประกาศข่าวดีและพันธกิจมิชชันนารีของคริสตจักร ความรักที่แสดงออกมานั้นชัดเจนในความเอาใจใส่ที่คริสตจักรแสดงต่อสมาชิก



ยังมีความรักประเภทที่สี่ซึ่งโดดเด่นด้วยประสิทธิภาพและความชำนาญพิเศษสำหรับผู้ได้รับเลือก เป็นความรักแบบที่ทำให้พระเจ้าประทานพระพรแห่งชีวิตนิรันดร์ผ่านทางพระคริสต์แก่เรา และมีประสบการณ์และยอมรับเฉพาะผู้ที่ได้รับเลือกเท่านั้น นี่คือความรักที่โดดเด่นและเฉพาะเจาะจงที่ทำให้ผู้ที่ได้รับเลือกจากพวกเราทุกคนแตกต่าง



การคัดค้านแนวคิดเรื่องอากาเป้มากมายเกิดขึ้นจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความรักประเภทนี้ ตัวอย่างเช่น คริสเตียนบางคนไม่เห็นด้วยกับคำสอนของอากาเป้ เพราะพวกเขาเชื่อว่าความรักนี้ไม่ใช่ความรักแบบสากล และอยากจะมีคนในจินตนาการมากกว่าความเป็นจริง เหตุผลก็คือว่ามันสร้างความสับสนระหว่างธรรมชาติของความรักที่แท้จริงและสมบูรณ์แบบกับแก่นแท้ของพระเจ้าพระองค์เอง