----l — различия между версиями

Материал из ТОГБУ Компьютерный Центр
Перейти к: навигация, поиск
м (----l)
м (----l)
Строка 1: Строка 1:
<br /><br /><br /><br />การเข้าถึงและก็ [https://fafa-789.com/ Fafa789] หนึ่งในความต่างระหว่างบาคาร่าออนไลน์และก็บาคาร่าคาสิโนสด เป็นการเข้าถึงแล้วก็ความสบายสบาย บาคาร่า ออนไลน์สามารถเล่นได้จากทุกที่ที่ต้องการ ตราบเท่าที่คุณมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็ช่วยทำให้ผู้เล่นเพลิดเพลินใจกับเกม โดยไม่ต้องเดินทางไปที่คาสิโนจริง ในทางตรงกันข้าม บาคาร่าคาสิโนสดต้องการที่จะให้ผู้เล่นแสดงตัวที่คาสิโน ต้นแบบการเล่นของบาคาร่าออนไลน์แล้วก็บาคาร่าคาสิโนสดบางครั้งก็อาจจะเช่นเดียวกัน แต่ว่าก็มีความไม่เหมือนที่สำคัญระหว่างทั้งคู่ หนทางระหว่างการเล่นออนไลน์หรือในคาสิโนสดนั้นขึ้นกับความชื่นชอบเฉพาะบุคคล ผู้เล่นบางบุคคลบางทีอาจเพลินใจกับความสบายสบายแล้วก็การควบคุมของบาคาร่าออนไลน์ ในตอนที่ผู้อื่นบางทีอาจถูกใจบรรยากาศและก็ความเกี่ยวข้องทางด้านสังคมของ บาคาร่ายอดนิยม<br /><br />บาคาร่า ขั้นตอนพื้นฐานสำหรับการเล่นบาคาร่าออนไลน์สำหรับมือใหม่<br /><br />ถ้าคุณพอใจที่จะทดลองเล่นบาคาร่า แต่ว่ายังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มจากที่ไหน ลำดับแรกสำหรับในการเล่นเกมเป็นวิธีการทำความรู้ความเข้าใจกฎข้อปฏิบัติ บาการา เป็นเกมกล้วยๆแต่ว่าสิ่งจำเป็นเป็นจำต้องทราบเบื้องต้นก่อนที่จะไปสู่การเล่นเกมออนไลน์แล้วก็รู้จักตัวเลือกการพนัน ก่อนจะเริ่มเล่นเกม ใช้เวลาสำหรับเพื่อการทำความเคยชินกับอินเทอร์เฟซ บาคาร่าออนไลน์ บางทีอาจนานับประการในแต่ละแพลตฟอร์ม แต่ว่าจำนวนมากจะมีคุณลักษณะที่คล้ายคลึงกัน อาทิเช่น โต๊ะ ไพ่ รวมทั้งตัวเลือกการพนัน พินิจปุ่มและก็การควบคุมต่างๆรวมทั้งจำนวนเงินพนันอย่างต่ำรวมทั้งสูงสุดสำหรับแต่ละโต๊ะ สิ่งนี้จะช่วยทำให้คุณนำทางเกมได้อย่างสบายแล้วก็เชื่อมั่นในตนเองยิ่งขึ้น มื่อคุณรู้ขั้นตอนรากฐานแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะปฏิบัติงานรวมทั้งเริ่มเล่นบาคาร่าออนไลน์ อย่าลืมบันเทิงใจรวมทั้งเล่นการเดิมพันอย่างมีความรับผิดชอบ ด้วยการฝึกอบรมแล้วก็โชคบางส่วน คุณจะก้าวไปสู่การเป็นมือโปรบาคาร่าก้าวหน้า<br /><br />บาคาร่า ต้นแบบการเล่นเกมออนไลน์ เจ้ามือสดแบบใหม่ ยอดนิยม<br /><br />การเล่นบาคาร่าออนไลน์รูปแบบใหม่นี้เรียกว่า บาคาร่าเจ้ามือสด ต่างจากเกมบาคาร่าออนไลน์แบบเริ่มแรกที่ผู้เล่นเล่นกับเจ้ามือคอมพิวเตอร์ บาคาร่าเจ้ามือสดมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่เหมือนจริงรวมทั้งตอบโต้ได้มากกว่า ในบาคาร่าดีลเลอร์สด ผู้เล่นร่วมห้องเหมือนจริงที่เชื่อมต่อกับฟีดวิดีโอสดของดีลเลอร์ตัวจริงที่ตั้งอยู่ในคาสิโนจริง บาคาร่า รูปแบบใหม่นี้ได้นำความระทึกใจแล้วก็ความสมจริงสมจังมาสู่เกมในระดับใหม่<br /><br />ด้วยดีลเลอร์สด ผู้เล่นไม่จำเป็นที่ต้องพึ่งพิงเครื่องก่อร่างสร้างตัวเลขสุ่มของคอมพิวเตอร์อีกต่อไป แล้วก็สามารถรับดูเกมแบบเรียลไทม์ได้ เหมือนกันกับที่พวกเขาทำในคาสิโนจริง บาคาร่าเจ้ามือสดถือได้ว่าเป็นการเล่นบาคาร่าออนไลน์รูปแบบใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้เล่น มันมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่สมจริงสมจัง ตอบโต้ได้ รวมทั้งโปร่งใสมากยิ่งกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเกมบาคาร่าออนไลน์แบบเริ่มแรก ด้วยขนาดการพนันที่มากมายและก็ความเร็วที่ช้าลง ทำให้เย้ายวนใจผู้ชมได้กว้างขึ้น<br /><br />บาคาร่าออนไลน์ การจัดการเงินสำหรับการเล่น ให้มีคุณประโยชน์<br /><br />การจัดการเงินในขณะเล่นบาคาร่าออนไลน์ เป็นเรื่องสำคัญสำหรับประสบการณ์การเดิมพันที่มีความรับผิดชอบแล้วก็เบิกบาน ช่วยทำให้ผู้เล่นติดตามการใช้จ่าย หลบหลีกการพนันแบบคึกคะนอง เพิ่มจังหวะสำหรับในการชนะ รวมทั้งผลักดันการเดิมพันอย่างมีความรับผิดชอบ ด้วยการกำหนดงบประมาณรวมทั้งทำตามในช่วงเวลาที่เล่นบาคาร่าออนไลน์ ผู้เล่นสามารถมีประสบการณ์การเล่นเกมที่เติมเต็มและก็ได้ผลผลกำไรมากยิ่งขึ้น การจัดการเงินเวลาที่เล่น บาคาร่าออนไลน์ บางทีอาจเป็นงานที่ท้า แต่ว่าเมื่อทำอย่างแม่นยำ ก็สามารถให้คุณประโยชน์หลายประการแก่ผู้เล่นได้<br /><br />กรรมวิธีการเลือกเว็บ บาคาร่าออนไลน์ ที่มีคุณประโยชน์<br /><br />การเลือกเว็บที่มีประโยชน์นั้นจำเป็นต้องคิดถึงความปลอดภัย การเลือกเกม ประสบการณ์ผู้ใช้ รวมทั้งตัวเลือกการจ่ายเงินอย่างระมัดระวัง คุณควรจะอ่านบทวิเคราะห์และก็ขอคำปรึกษาจากผู้เล่นรายอื่นเพื่อมั่นใจว่าไซต์นั้นตรงตามคาดหมายของคุณ โดยการกระทำตามทางกลุ่มนี้ คุณจะเจอเว็บ fafa789 ที่มอบประสบการณ์การเล่นเกมที่น่าเร้าใจแล้วก็คุ้มแก่คุณ เมื่อเลือกเว็บบาคาร่าออนไลน์ ต้นสายปลายเหตุแรกและก็สำคัญที่สุดที่จำต้องพิเคราะห์เป็นความปลอดภัยและก็ความปลอดภัยของเว็บ คุณอยากให้มั่นใจว่าข้อมูลเฉพาะบุคคลรวมทั้งข้อมูลด้านการเงินของคุณจะได้รับการป้องกัน รวมทั้งการเล่นเกมของคุณมีความชอบธรรม โดยเหตุนี้ก็เลยจำเป็นมากที่จะจำเป็นต้องเล่าเรียนโปรโตคอลการเข้ารหัสและก็ความปลอดภัยของเว็บ
+
[https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=thanapitcmg&amp;month=19-10-2022&amp;group=1&amp;gblog=3 Pitcha Meat] <br /><br />ด้วยสภาพอากาศประเทศไทยที่ร้อนขึ้นทุกวัน ๆ ก่อนจะเลือก เนื้อหมู หรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ มาประกอบอาหาร คุณควรตรวจสอบให้ดีก่อนว่า เนื้อหมูเสียหรือยัง มีกลิ่นเหม็นหืน หรือมีสีเปลี่ยนไปบ้างไหม เพราะหากได้นำเนื้อหมูที่เสียแล้วไปทำอาหาร อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ และร่างกายของคุณได้ <br /><br />ซึ่งบางคนอาจจะมีคำถามในใจว่า เนื้อหมู อยู่นอกตู้เย็นได้กี่ชั่วโมง และวิธีการเก็บรักษาเนื้อหมูให้อยู่ได้นาน ๆ ต้องทำอย่างไรบ้าง พิชชามีท ตัวแม่เรื่องหมู ๆ มีคำตอบมาให้ ไปดูกันเลย<br /><br />เนื้อหมู อยู่นอกตู้เย็นได้กี่ชั่วโมง เช็กให้ชัวร์ก่อนรับประทาน<br /><br />เนื้อหมู อยู่นอกตู้เย็นได้กี่ชั่วโมง ? คำตอบ คือ ตามหลักสุขอนามัยแล้ว ไม่ควรทิ้งเนื้อหมูสดไว้นอกตู้เย็นเกิน 4 ชั่วโมง ด้วยความที่อุณหภูมิห้องของประเทศเราค่อนข้างสูง โดยจะอยู่ที่ประมาณ 38-42 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เชื้อโรคเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ จนเสี่ยงต่อภาวะอาหารเป็นพิษ หากเนื้อหมูสดไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ถูกต้อง <br /><br />ซึ่งทุกคนสามารถเช็ก และตรวจสอบสัญญาณการเน่าเสียของเนื้อหมูได้โดยวิธีเบื้องต้น คือ สังเกตกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ดูสี และเนื้อสัมผัสของเนื้อหมูว่าผิดปกติหรือไม่ แต่ถ้าหากไม่มั่นใจว่าเนื้อหมูเสียแล้วหรือยัง สามารถเช็กได้ตามข้อสังเกตด้านล่างได้ ดังนี้<br /><br />ดูวันหมดอายุข้างผลิตภัณฑ์<br /><br />อายุการเก็บรักษาเนื้อหมูสดจะอยู่ที่ประมาณ 1-3 วัน แต่หากเป็นเนื้อหมูสุกจะอยู่ที่ 7-10 วัน หรือหากพบว่าเนื้อหมูหมดอายุแล้วให้ทิ้งทันที เพื่อป้องกันกลิ่นเหม็นไม่พึงประสงค์ เชื้อโรค และแบคทีเรียต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดภาวะอาหารเป็นพิษได้<br /><br />ทิ้งเนื้อหมูสดที่อยู่ในตู้เย็นเกิน 5 วัน<br /><br />ระยะเวลาที่สามารถเก็บเนื้อหมูสดไว้ในตู้เย็น ขึ้นอยู่กับว่าคุณซื้อเนื้อหมูแบบบด หรือแบบหั่นชิ้น ซึ่งเนื้อหมูบดสามารถอยู่ในตู้เย็นได้ 1-2 วันนับจากวันที่ขาย แต่หากเป็นเนื้อหมูหั่นชิ้น หรือชิ้นสเต๊ก จะอยู่ในตู้เย็นได้ 3-5 วัน นอกจากนี้การเก็บเนื้อหมูจะอยู่ได้นานขึ้นหากเก็บไว้ในช่องแช่แข็ง<br /><br /> ดมว่ามีกลิ่นเหม็นไม่พึงประสงค์หรือไม่<br /><br />เนื้อหมูที่เสียแล้วจะมีกลิ่นเหม็นแรงเฉพาะตัว หรือถ้าเนื้อหมูเริ่มมีกลิ่นหืนแปลว่าเนื้อหมูน่าจะเสียแล้ว และไม่ควรนำมารับประทานเด็ดขาด โดยเฉพาะเนื้อหมูที่เลยวันหมดอายุไปแล้ว <br /><br />อย่ารับประทานเนื้อหมูที่มีสีเริ่มคล้ำเขียว<br /><br />เนื้อหมูที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว หรือน้ำตาลเขียวคล้ำ ๆ ไม่ควรนำมารับประทานโดยเด็ดขาด เพราะนั่นเป็นสัญญาณว่าเนื้อหมูเริ่มเน่าเสียแล้ว ให้ทิ้งทันที<br /><br />ดูสัมผัสของเนื้อหมู<br /><br />เนื้อหมูที่เสียแล้ว จะมีสัมผัสที่เหนียว และถ้าคุณรู้สึกว่ามีคราบเหนียว ๆ ลื่น ๆ คล้ายเมือกเคลือบบนเนื้อหมู ให้ทิ้งไปได้เลย เพราะว่ามีแบคทีเรียเริ่มขยายพันธ์ุบนเนื้อหมูของคุณแล้ว<br /><br />ไม่รู้ต้องอ่าน!! วิธีการเก็บรักษาเนื้อหมูประเภทต่าง ๆ <br /><br /> เนื้อหมูสด (Fresh Pork)<br /><br />คือ เนื้อหมูสีแดงสดที่ผ่านการชำแหละ หรือตัดแต่ง โดยไม่ผ่านการลดอุณหภูมิในห้องเย็น ซึ่งจะมีอายุจำหน่ายวันต่อวัน อาทิเช่น เนื้อหมูที่วางขายตามตลาดเป็นเนื้อที่มีความเหนียว แต่มีรสชาติปกติ เนื่องจากไม่มีการเปลี่ยนแปลงของค่า PH และเมื่อซื้อเนื้อสดมาแล้วควรใช้ให้หมดภายในครั้งเดียว แต่ถ้าเหลือให้นำใส่กล่องพลาสติกให้มิดชิด และนำเข้าช่องแช่แข็งในตู้เย็น จะช่วยยืดอายุของเนื้อหมูได้ 1-2 วัน<br /><br />เนื้อหมูแช่เย็น (Chilled Pork)<br /><br />คือ เนื้อหมูที่ผ่านการแช่เย็น เพื่อลดอุณหภูมิให้อยู่ที่ 0-4 องศา โดยมีความชื้นร้อยละ 86 ถึง 95 ซึ่งปัจจุบันเนื้อแช่แข็งเป็นที่นิยมกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การนำเนื้อไปตัดแต่งแล้วบรรจุไว้ในถาด พร้อมทำการแรปพลาสติกเอาไว้ หรือนึกภาพง่าย ๆ ก็คือเนื้อหมูที่วางขายตามซูเปอร์มาร์เก็ต โดยข้อดีของการเก็บเนื้อหมูแช่เย็น มีดังนี้<br /><br />ช่วยป้องกันไม่ให้เนื้อเสีย<br /><br /> เพราะเนื้อหมูเสี่ยงต่อการเน่าเสียจากแบคทีเรีย เชื้อโรค และจุลินทรีย์<br /><br />แช่เย็นเนื้อหมูเพื่อบ่มให้นุ่ม <br /><br />หลังจากแช่เย็นในอุณหภูมิ และระยะเวลาที่เหมาะสมแล้ว จะเกิดกระบวนการบ่มจากเอนไซม์ในเนื้อ ทำให้เนื้อหมูมีความนุ่ม อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความเข้มข้นของรสชาติเนื้อหมูได้อีกด้วย<br /><br />เนื้อแช่แข็ง (Frozen Pork)<br /><br />คือ เนื้อหมูที่ผ่านการลดอุณหภูมิให้อยู่ที่ -18 องศา เพื่อยืดอายุการเก็บเนื้อหมูให้อยู่ได้นานยิ่งขึ้น ซึ่งคุณภาพของเนื้อหมูจะขึ้นอยู่กับความเร็วในการแข็งตัว โดยการแช่แข็งสามารถแบ่งได้ 2 วิธี ได้แก่<br /><br />แช่แข็งแบบน้ำ<br /><br />จะเกิดผลึกน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่ และแหลมคม ส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายนอกเซลล์ และผลึกเหล่านี้จะทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ และเมื่อทำการละลายน้ำแข็ง จะเกิดการสูญเสียน้ำ (Drip Loss) ในเนื้อมากกว่าแบบแช่เย็น ทำให้เนื้อมีสัมผัสแห้ง และคุณค่าทางอาหารลดลง<br /><br />แช่แข็งแบบฉับพลัน<br /><br />จะได้ผลึกที่เล็ก และละเอียด ส่วนใหญ่จะเกิดภายในเซลล์ เมื่อทำการละลายเซลล์ยังมีสภาพดีอยู่ จึงสูญเสียน้ำน้อยกว่า ซึ่งวิธีนี้มักนิยมนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการทำเนื้อแช่แข็งเพื่อส่งขาย<br /><br />วิธีป้องกันไม่ให้เนื้อหมูเน่าเสีย และเก็บได้นาน<br /><br />ไม่ควรละลายเนื้อหมูบนเคาน์เตอร์ครัว<br /><br />เนื้อหมูที่เอาออกจากตู้เย็น หรือช่องแช่แข็งเป็นเวลานาน มีความเสี่ยงต่อการเน่าเสีย เนื่องจากการนำเนื้อสัตว์มาไว้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลานาน ถือเป็นการเพิ่มโอกาสเสี่ยงที่เนื้อจะเน่าเสียได้ <br /><br />ดังนั้นจึงควรละลายเนื้อหมูด้วยไมโครเวฟ เพราะเป็นทั้งวิธีที่เร็ว และปลอดภัยมากกว่า นอกจากนี้การละลายเนื้อหมูแช่แข็งในตู้เย็น ก็เป็นอีกทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการละลายบนเคาน์เตอร์<br /><br />เก็บเนื้อหมูไว้ในอุณหภูมิที่ปลอดภัย<br /><br />อย่างไรก็ตาม ควรเก็บเนื้อหมูไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส แต่หากเก็บไว้ในอุณหภูมิที่อุ่นกว่านี้ อาจทำให้เนื้อหมูเสียได้<br /><br />นำเนื้อหมูเข้าช่องแช่แข็งหากไม่ได้รับประทาน<br /><br />ถึงแม้ว่าเนื้อหมูจะเก็บไว้ในตู้เย็นได้ไม่กี่วัน แต่ถ้าอยู่ในช่องแช่แข็งจะช่วยเพิ่มอายุการเก็บรักษาเนื้อหมูได้ โดยนำเนื้อหมูใส่ในภาชนะที่ปิดสนิท และแช่แข็งไว้จนกว่าจะเอาออกมารับประทาน <br /><br />อย่ารับประทานเนื้อหมูที่หมดอายุ หรือไม่ได้แช่ไว้ในตู้เย็น<br /><br />สำหรับเนื้อหมูที่หมดอายุ อาจมีแบคทีเรียที่เป็นอันตรายปนเปื้อนได้ ดังนั้นจึงไม่ควรรับประทานเนื้อหมู ที่วางทิ้งไว้นอกตู้เย็นนานเกินไป หรือเลยวันที่ขายมานานแล้ว<br /><br />เช็กอุณหภูมิด้านในของเนื้อหมูขณะทำอาหาร<br /><br />ด้วยความที่เราไม่สามารถตรวจเช็กแบคทีเรีย ที่เกิดจากอาหารได้ทั้งหมด ดังนั้นการปรุงเนื้อหมูในอุณหภูมิที่ถูกต้อง จึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดภาวะอาหารเป็นพิษ ซึ่งการปรุงเนื้อหมูให้สุกควรเลือกอุณหภูมิประมาณ 49-74 องศาเซลเซียส จะเหมาะสมมากที่สุด<br /><br />สุดท้ายนี้หวังว่าทุกคนจะได้รู้ว่า เนื้อหมู อยู่นอกตู้เย็นได้นานกี่ชั่วโมง และสามารถนำสาระในวันนี้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยหัวใจสำคัญคือต้องเลือกเนื้อหมูที่สด สะอาด ปลอดภัย และได้มาตรฐาน อย่าง พิชชามีช หากสนใจต้องการสั่งซื้อเนื้อหมู สามารถติดต่อได้ที่ Line: @pitchameat

Версия 00:05, 29 ноября 2023

Pitcha Meat

ด้วยสภาพอากาศประเทศไทยที่ร้อนขึ้นทุกวัน ๆ ก่อนจะเลือก เนื้อหมู หรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ มาประกอบอาหาร คุณควรตรวจสอบให้ดีก่อนว่า เนื้อหมูเสียหรือยัง มีกลิ่นเหม็นหืน หรือมีสีเปลี่ยนไปบ้างไหม เพราะหากได้นำเนื้อหมูที่เสียแล้วไปทำอาหาร อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ และร่างกายของคุณได้

ซึ่งบางคนอาจจะมีคำถามในใจว่า เนื้อหมู อยู่นอกตู้เย็นได้กี่ชั่วโมง และวิธีการเก็บรักษาเนื้อหมูให้อยู่ได้นาน ๆ ต้องทำอย่างไรบ้าง พิชชามีท ตัวแม่เรื่องหมู ๆ มีคำตอบมาให้ ไปดูกันเลย

เนื้อหมู อยู่นอกตู้เย็นได้กี่ชั่วโมง เช็กให้ชัวร์ก่อนรับประทาน

เนื้อหมู อยู่นอกตู้เย็นได้กี่ชั่วโมง ? คำตอบ คือ ตามหลักสุขอนามัยแล้ว ไม่ควรทิ้งเนื้อหมูสดไว้นอกตู้เย็นเกิน 4 ชั่วโมง ด้วยความที่อุณหภูมิห้องของประเทศเราค่อนข้างสูง โดยจะอยู่ที่ประมาณ 38-42 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เชื้อโรคเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ จนเสี่ยงต่อภาวะอาหารเป็นพิษ หากเนื้อหมูสดไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ถูกต้อง

ซึ่งทุกคนสามารถเช็ก และตรวจสอบสัญญาณการเน่าเสียของเนื้อหมูได้โดยวิธีเบื้องต้น คือ สังเกตกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ดูสี และเนื้อสัมผัสของเนื้อหมูว่าผิดปกติหรือไม่ แต่ถ้าหากไม่มั่นใจว่าเนื้อหมูเสียแล้วหรือยัง สามารถเช็กได้ตามข้อสังเกตด้านล่างได้ ดังนี้

ดูวันหมดอายุข้างผลิตภัณฑ์

อายุการเก็บรักษาเนื้อหมูสดจะอยู่ที่ประมาณ 1-3 วัน แต่หากเป็นเนื้อหมูสุกจะอยู่ที่ 7-10 วัน หรือหากพบว่าเนื้อหมูหมดอายุแล้วให้ทิ้งทันที เพื่อป้องกันกลิ่นเหม็นไม่พึงประสงค์ เชื้อโรค และแบคทีเรียต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดภาวะอาหารเป็นพิษได้

ทิ้งเนื้อหมูสดที่อยู่ในตู้เย็นเกิน 5 วัน

ระยะเวลาที่สามารถเก็บเนื้อหมูสดไว้ในตู้เย็น ขึ้นอยู่กับว่าคุณซื้อเนื้อหมูแบบบด หรือแบบหั่นชิ้น ซึ่งเนื้อหมูบดสามารถอยู่ในตู้เย็นได้ 1-2 วันนับจากวันที่ขาย แต่หากเป็นเนื้อหมูหั่นชิ้น หรือชิ้นสเต๊ก จะอยู่ในตู้เย็นได้ 3-5 วัน นอกจากนี้การเก็บเนื้อหมูจะอยู่ได้นานขึ้นหากเก็บไว้ในช่องแช่แข็ง

ดมว่ามีกลิ่นเหม็นไม่พึงประสงค์หรือไม่

เนื้อหมูที่เสียแล้วจะมีกลิ่นเหม็นแรงเฉพาะตัว หรือถ้าเนื้อหมูเริ่มมีกลิ่นหืนแปลว่าเนื้อหมูน่าจะเสียแล้ว และไม่ควรนำมารับประทานเด็ดขาด โดยเฉพาะเนื้อหมูที่เลยวันหมดอายุไปแล้ว

อย่ารับประทานเนื้อหมูที่มีสีเริ่มคล้ำเขียว

เนื้อหมูที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว หรือน้ำตาลเขียวคล้ำ ๆ ไม่ควรนำมารับประทานโดยเด็ดขาด เพราะนั่นเป็นสัญญาณว่าเนื้อหมูเริ่มเน่าเสียแล้ว ให้ทิ้งทันที

ดูสัมผัสของเนื้อหมู

เนื้อหมูที่เสียแล้ว จะมีสัมผัสที่เหนียว และถ้าคุณรู้สึกว่ามีคราบเหนียว ๆ ลื่น ๆ คล้ายเมือกเคลือบบนเนื้อหมู ให้ทิ้งไปได้เลย เพราะว่ามีแบคทีเรียเริ่มขยายพันธ์ุบนเนื้อหมูของคุณแล้ว

ไม่รู้ต้องอ่าน!! วิธีการเก็บรักษาเนื้อหมูประเภทต่าง ๆ

เนื้อหมูสด (Fresh Pork)

คือ เนื้อหมูสีแดงสดที่ผ่านการชำแหละ หรือตัดแต่ง โดยไม่ผ่านการลดอุณหภูมิในห้องเย็น ซึ่งจะมีอายุจำหน่ายวันต่อวัน อาทิเช่น เนื้อหมูที่วางขายตามตลาดเป็นเนื้อที่มีความเหนียว แต่มีรสชาติปกติ เนื่องจากไม่มีการเปลี่ยนแปลงของค่า PH และเมื่อซื้อเนื้อสดมาแล้วควรใช้ให้หมดภายในครั้งเดียว แต่ถ้าเหลือให้นำใส่กล่องพลาสติกให้มิดชิด และนำเข้าช่องแช่แข็งในตู้เย็น จะช่วยยืดอายุของเนื้อหมูได้ 1-2 วัน

เนื้อหมูแช่เย็น (Chilled Pork)

คือ เนื้อหมูที่ผ่านการแช่เย็น เพื่อลดอุณหภูมิให้อยู่ที่ 0-4 องศา โดยมีความชื้นร้อยละ 86 ถึง 95 ซึ่งปัจจุบันเนื้อแช่แข็งเป็นที่นิยมกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การนำเนื้อไปตัดแต่งแล้วบรรจุไว้ในถาด พร้อมทำการแรปพลาสติกเอาไว้ หรือนึกภาพง่าย ๆ ก็คือเนื้อหมูที่วางขายตามซูเปอร์มาร์เก็ต โดยข้อดีของการเก็บเนื้อหมูแช่เย็น มีดังนี้

ช่วยป้องกันไม่ให้เนื้อเสีย

เพราะเนื้อหมูเสี่ยงต่อการเน่าเสียจากแบคทีเรีย เชื้อโรค และจุลินทรีย์

แช่เย็นเนื้อหมูเพื่อบ่มให้นุ่ม

หลังจากแช่เย็นในอุณหภูมิ และระยะเวลาที่เหมาะสมแล้ว จะเกิดกระบวนการบ่มจากเอนไซม์ในเนื้อ ทำให้เนื้อหมูมีความนุ่ม อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความเข้มข้นของรสชาติเนื้อหมูได้อีกด้วย

เนื้อแช่แข็ง (Frozen Pork)

คือ เนื้อหมูที่ผ่านการลดอุณหภูมิให้อยู่ที่ -18 องศา เพื่อยืดอายุการเก็บเนื้อหมูให้อยู่ได้นานยิ่งขึ้น ซึ่งคุณภาพของเนื้อหมูจะขึ้นอยู่กับความเร็วในการแข็งตัว โดยการแช่แข็งสามารถแบ่งได้ 2 วิธี ได้แก่

แช่แข็งแบบน้ำ

จะเกิดผลึกน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่ และแหลมคม ส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายนอกเซลล์ และผลึกเหล่านี้จะทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ และเมื่อทำการละลายน้ำแข็ง จะเกิดการสูญเสียน้ำ (Drip Loss) ในเนื้อมากกว่าแบบแช่เย็น ทำให้เนื้อมีสัมผัสแห้ง และคุณค่าทางอาหารลดลง

แช่แข็งแบบฉับพลัน

จะได้ผลึกที่เล็ก และละเอียด ส่วนใหญ่จะเกิดภายในเซลล์ เมื่อทำการละลายเซลล์ยังมีสภาพดีอยู่ จึงสูญเสียน้ำน้อยกว่า ซึ่งวิธีนี้มักนิยมนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการทำเนื้อแช่แข็งเพื่อส่งขาย

วิธีป้องกันไม่ให้เนื้อหมูเน่าเสีย และเก็บได้นาน

ไม่ควรละลายเนื้อหมูบนเคาน์เตอร์ครัว

เนื้อหมูที่เอาออกจากตู้เย็น หรือช่องแช่แข็งเป็นเวลานาน มีความเสี่ยงต่อการเน่าเสีย เนื่องจากการนำเนื้อสัตว์มาไว้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลานาน ถือเป็นการเพิ่มโอกาสเสี่ยงที่เนื้อจะเน่าเสียได้

ดังนั้นจึงควรละลายเนื้อหมูด้วยไมโครเวฟ เพราะเป็นทั้งวิธีที่เร็ว และปลอดภัยมากกว่า นอกจากนี้การละลายเนื้อหมูแช่แข็งในตู้เย็น ก็เป็นอีกทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการละลายบนเคาน์เตอร์

เก็บเนื้อหมูไว้ในอุณหภูมิที่ปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม ควรเก็บเนื้อหมูไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส แต่หากเก็บไว้ในอุณหภูมิที่อุ่นกว่านี้ อาจทำให้เนื้อหมูเสียได้

นำเนื้อหมูเข้าช่องแช่แข็งหากไม่ได้รับประทาน

ถึงแม้ว่าเนื้อหมูจะเก็บไว้ในตู้เย็นได้ไม่กี่วัน แต่ถ้าอยู่ในช่องแช่แข็งจะช่วยเพิ่มอายุการเก็บรักษาเนื้อหมูได้ โดยนำเนื้อหมูใส่ในภาชนะที่ปิดสนิท และแช่แข็งไว้จนกว่าจะเอาออกมารับประทาน

อย่ารับประทานเนื้อหมูที่หมดอายุ หรือไม่ได้แช่ไว้ในตู้เย็น

สำหรับเนื้อหมูที่หมดอายุ อาจมีแบคทีเรียที่เป็นอันตรายปนเปื้อนได้ ดังนั้นจึงไม่ควรรับประทานเนื้อหมู ที่วางทิ้งไว้นอกตู้เย็นนานเกินไป หรือเลยวันที่ขายมานานแล้ว

เช็กอุณหภูมิด้านในของเนื้อหมูขณะทำอาหาร

ด้วยความที่เราไม่สามารถตรวจเช็กแบคทีเรีย ที่เกิดจากอาหารได้ทั้งหมด ดังนั้นการปรุงเนื้อหมูในอุณหภูมิที่ถูกต้อง จึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดภาวะอาหารเป็นพิษ ซึ่งการปรุงเนื้อหมูให้สุกควรเลือกอุณหภูมิประมาณ 49-74 องศาเซลเซียส จะเหมาะสมมากที่สุด

สุดท้ายนี้หวังว่าทุกคนจะได้รู้ว่า เนื้อหมู อยู่นอกตู้เย็นได้นานกี่ชั่วโมง และสามารถนำสาระในวันนี้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยหัวใจสำคัญคือต้องเลือกเนื้อหมูที่สด สะอาด ปลอดภัย และได้มาตรฐาน อย่าง พิชชามีช หากสนใจต้องการสั่งซื้อเนื้อหมู สามารถติดต่อได้ที่ Line: @pitchameat