-----m — различия между версиями
м (-----m) |
м (-----m) |
||
Строка 1: | Строка 1: | ||
− | + | เชื่อว่าคนที่ทำธุรกิจคงคุ้นเคยกับการตลาดแบบดั้งเดิมกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอ คอนเทนต์ การตลาด, การโฆษณาสินค้า และบริการผ่านโทรทัศน์ ป้ายโฆษณา หรือสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ แต่ในปัจจุบันเมื่อการทำธุรกิจเริ่มเข้าสู่โลกดิจิทัล ส่งผลให้กลยุทธ์ในการทำการตลาด ต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น<br /><br />ดังนั้นบทความในวันนี้ Common Ground จะมาแชร์ความรู้เกี่ยวกับการทำ คอนเทนต์ การตลาด มีความแตกต่างจากคอนเทนต์ดั้งเดิมอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วไปดูกัน<br /><br />พาส่องความแตกต่างของ คอนเทนต์ การตลาด และคอนเทนต์ดั้งเดิม<br /><br />การตลาด (Marketing) คือ กลยุทธ์ที่แบรนด์ใช้ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้สนใจสินค้า และบริการ ของแต่ละธุรกิจผ่านการสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะเป็น “ลูกค้า” เริ่มรู้จัก และตัดสินใจเป็นลูกค้าของแบรนด์ โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้<br /><br />การตลาดแบบดั้งเดิม<br /><br />การตลาดแบบดั้งเดิม (Traditional Marketing) คือ การทำการตลาดผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ช่องทางออนไลน์ หรือเรียกว่าการสื่อสารช่องทางเดียว ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ หรือป้ายบิลบอร์ด เป็นต้น ซึ่งการทำการตลาดแบบดั้งเดิม สามารถแบ่งได้ 5 ประเภท คือ<br /><br />Billboard<br /><br />ป้ายบิลบอร์ด หรือป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ตามถนน หรือทางด่วนที่มักจะดึงดูดความสนใจของผู้คนที่เดินทางผ่านไปมา โดยทางแบรนด์จะเน้นการสื่อสารด้วยข้อความ หรือรูปภาพขนาดใหญ่บนพื้นที่ที่กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ หรือแบรนด์นั้น ๆ อาศัยอยู่ หรือเป็นพื้นที่ที่มีคนผ่านไปมาเยอะ ๆ<br /><br />Printed Media<br /><br />การตลาดที่แบรนด์ต้องพึ่งพาสื่อ อย่าง หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารในการสื่อสารข้อมูลไปยังกลุ่มเป้าหมาย แต่ทั้งนี้การทำใบปลิวแจกตามงานอีเวนต์ หรือตามสถานที่ต่าง ๆ ก็เป็นอีกตัวอย่างของ Printed Media เช่นกัน<br /><br />Broadcast<br /><br />การตลาดผ่านการ Broadcast เช่น วิทยุ หรือโทรศัพท์ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย และเข้าถึงได้จำนวนมากในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งการบรอดแคสต์ยังมีการใช้มาจนถึงปัจจุบัน แต่จะเป็นการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ อย่าง Line เป็นต้น<br /><br />Direct Mail<br /><br />การตลาดในรูปแบบของการส่งจดหมายไปยังที่อยู่ของกลุ่มเป้าหมาย หรือกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ ซึ่งในปัจจุบันการตลาดแบบ Direct Mail ยังถูกใช้กับธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุตสาหกรรม ด้านการเงิน<br /><br />Telemarketing<br /><br />การตลาดแบบดั้งเดิมประเภทสุดท้าย คือ การตลาดที่เน้นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และลูกค้าผ่านเบอร์โทรศัพท์ (Telemarketing) ไม่ว่าจะเป็น การโทรหา หรือการส่งข้อความทางโทรศัพท์ (SMS) ก็ถือเป็นการตลาดประเภทนี้เช่นกัน<br /><br />ข้อดี ข้อเสีย ของการตลาดแบบดั้งเดิม<br /><br />ข้อดี<br /><br />การตลาดแบบดั้งเดิมยากต่อการมองข้าม หรือเพิกเฉย ยิ่งเป็นโฆษณาบนบิลบอร์ดที่ตั้งอยู่บนทางด่วนที่มีผู้คนสัญจรไปมาตลอดเวลา และยิ่งในเวลาที่รถติด ด้วยความโดดเด่นของป้ายจึงยากที่จะมองข้าม<br /><br />เป็นที่น่าจดจำ ระหว่างที่เดินทางไปข้างนอก เชื่อว่ามีหลายคนที่จำป้ายโฆษณาได้ โดยเฉพาะโฆษณาที่ติดตามรถเมล์ และบิลบอร์ด หรือตามป้ายรถเมล์ เป็นต้น<br /><br />สามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลาย เพราะการตลาดแบบดั้งเดิมมีอยู่แทบทุกที่ที่ไม่ใช่ช่องทางออนไลน์ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้แบรนด์เป็นที่น่าจดจำแล้ว ยังเป็นการสร้างการรับรู้ (Awareness) ได้อีกด้วย<br /><br />ข้อเสีย<br /><br />ทำการวัดผลได้ยาก เพราะไม่มีเครื่องมือที่ช่วยติดตามข้อมูล ว่ามีคนเห็นโฆษณาทั้งหมดกี่คน หรือมีคนซื้อสินค้าจากโฆษณากี่คน จะได้เพียงการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ให้กับกลุ่มคนที่เห็น<br /><br />กำหนดขอบเขตยาก เพราะไม่สามารถทำการตั้งค่า หรือระบุกลุ่มเป้าหมายแบบเฉพาะผ่านการโฆษณาได้<br /><br />ใช้ต้นทุนเยอะ เพราะการลงทุนกับการตลาดแบบดั้งเดิม ต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างเยอะ และไม่สามารถแบ่งงบประมาณ หรือลองเทสต์โฆษณาได้<br /><br />การตลาดออนไลน์<br /><br />การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) คือ การทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ โดยจำเป็นต้องใช้สื่อดิจิทัล ในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย และการสร้างฐานลูกค้า ซึ่งประเภทของการตลาดออนไลน์มีทั้งหมด 7 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้<br /><br />Search Engine Marketing (SEM)<br /><br />SEM คือ การทำการตลาดออนไลน์ผ่านเครื่องมือ อย่าง Search Engine โดยจะทำการตลาดผ่านการเลือกซื้อ Keyword ที่มีผู้ค้นหาจำนวนมาก และทำการดันหน้าสินค้าของคุณให้ผู้ค้นหาเจอเว็บไซต์แบรนด์ของคุณเป็นอันดับแรก ๆ<br /><br />Search Engine Optimization (SEO)<br /><br />SEO เป็นการตลาดคล้าย SEM แต่ต่างกันตรงที่ SEO จะไม่มีการใช้เงินในการดันเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรกของการค้นหาคีย์เวิร์ด แต่จะวัดจากคุณภาพของเว็บไซต์ และเนื้อหาภายในเว็บไซต์โดยรวม ว่ามีความเกี่ยวข้อง และมีคุณภาพมากพอให้ที่จะเปลี่ยนผู้อ่านให้กลายเป็นลูกค้าได้<br /><br />Social Media Marketing<br /><br /> [https://dailyuploads.net/hj2hpcm65ae4 อยากทำseo] <br /><br />การตลาดออนไลน์อีกประเภทที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในยุคดิจิทัล เนื่องจากเป็นการทำการตลาดบนโซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook Instagram หรือ Youtube เป็นต้น ซึ่งในแต่ละแพลตฟอร์มจะมีวิธีการที่แตกต่างกันไปตามความเหมาะสม<br /><br />Content Marketing<br /><br />การทำการตลาดโดยใช้คอนเทนต์เป็นสารที่ต้องการจะสื่อกับกลุ่มเป้าหมาย โดย คอนเทนต์ การตลาด จะช่วยทำให้วัตถุประสงค์ต่าง ๆ สำเร็จขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็น การส่งมอบความรู้ การดึงความสนใจกลุ่มเป้าหมาย และการกระตุ้นเป้าหมายให้ตัดสินใจ รวมไปถึงการสร้างยอดขาย<br /><br />Email Marketing<br /><br />การทำการตลาดผ่านช่องทาง Email โดยวิธีการนี้สำคัญสำหรับการติดต่อสื่อสารทางด้านธุรกิจเป็นอย่างมาก ซึ่งสำหรับธุรกิจที่เน้นกลุ่มลูกค้าประเภท Business to Business ยังจำเป็นต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มรูปแบบนี้<br /><br />Influencer Marketing<br /><br />การทำการตลาดผ่าน Influencer โดยส่วนมากมักจะทำการตลาดผ่านแคมเปญ หรือเลือกให้ Influencer ผลิตคอนเทนต์ และสื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของเขา<br /><br />Digital Advertising<br /><br />การทำโฆษณาออนไลน์ เป็นการตลาดที่แบรนด์จำเป็นต้องใช้เงินลงทุน เพื่อซื้อพื้นที่บนโลกออนไลน์ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายในการโปรโมตสินค้า และบริการ ซึ่งการทำการตลาดประเภทนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะสามารถเลือก และกำหนดวัตถุประสงค์ของการทำแคมเปญโฆษณาได้<br /><br />ข้อดี ข้อเสีย ของการตลาดออนไลน์<br /><br />ข้อดี<br /><br />สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ เพราะการทำการตลาดออนไลน์บนออนไลน์แพลตฟอร์ม โดยทางแบรนด์สามารถเข้าไปควบคุมงบประมาณได้จากเครื่องมือ Ads ของแต่ละแพลตฟอร์ม<br /><br />มีเทคโนโลยีคอยช่วยวิเคราะห์ข้อมูลระหว่างทำการตลาดได้แบบ Real Time โดยคุณสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาตัดสินใจ และปรับปรุงวิธีการทำธุรกิจได้ทันที<br /><br />ทำการตลาดได้จากทุกที่ ทุกเวลา เพราะการทำการตลาดบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ได้มีการจำกัดพื้นที่ ด้วยความที่โลกอินเตอร์เน็ตไม่มีขอบเขตตายตัว ทำให้แบรนด์สามารถยิง Ads ไปยังจังหวัด และประเทศต่าง ๆ ได้<br /><br />ข้อเสีย<br /><br />การแข่งขันสูง เพราะการทำการตลาด Online Marketing สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ ส่งผลให้ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเล็ก หรือใหญ่ก็สามารถทำการตลาดได้<br /><br />ใช้ทักษะการเรียนรู้ด้านดิจิทัลอย่างครอบคลุมทุกด้าน เพราะการตลาดออนไลน์เป็นเรื่องใหม่ จึงต้องการทักษะ และกลยุทธ์ใหม่ ๆ ในการทำการตลาดอยู่เสมอ<br /><br />ด้วยความที่การตลาดออนไลน์เป็น Two way communication ที่ลูกค้าสามารถสื่อสารกับแบรนด์ได้ ดังนั้นหากเกิดกระแสด้านลบเกี่ยวกับแบรนด์ ลูกค้าก็สามารถให้ฟีดแบกได้อย่างเปิดเผย จนอาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้<br /><br />กล่าวสรุป คือ การตลาดทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะพื้นที่ที่ใช้ในการโปรโมตสินค้า และบริการของแบรนด์ อย่างไรก็ตาม การตลาดทั้งสองแบบมีความสำคัญ ข้อดี และข้อเสียแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าวัตถุประสงค์ของแบรนด์ต้องการทำการตลาดแบบไหน หรือกลุ่มเป้าหมายคือใคร เพราะบางจุดประสงค์ก็เหมาะสมกับวิธีการทำการตลาดแต่ละแบบต่างกัน<br /><br />สุดท้ายนี้สำหรับใครที่อยากจะมีแบรนด์ หรือธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ยังไม่มั่นใจเรื่องความรู้ในการทำการตลาด ให้ คอมม่อน กราวด์ เอเจนซี เป็นหนึ่งในตัวเลือก เพราะเรามีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการทำการตลาดออนไลน์ทุกรูปแบบ หากสนใจสามารถติดต่อได้ที่<br /><br />Tel: 081-426-6695<br /><br />Email: Enjoy@iamcommonground.com<br /><br />Facebook Page: Common Ground<br /><br /> |
Версия 12:37, 29 ноября 2023
เชื่อว่าคนที่ทำธุรกิจคงคุ้นเคยกับการตลาดแบบดั้งเดิมกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอ คอนเทนต์ การตลาด, การโฆษณาสินค้า และบริการผ่านโทรทัศน์ ป้ายโฆษณา หรือสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ แต่ในปัจจุบันเมื่อการทำธุรกิจเริ่มเข้าสู่โลกดิจิทัล ส่งผลให้กลยุทธ์ในการทำการตลาด ต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น
ดังนั้นบทความในวันนี้ Common Ground จะมาแชร์ความรู้เกี่ยวกับการทำ คอนเทนต์ การตลาด มีความแตกต่างจากคอนเทนต์ดั้งเดิมอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วไปดูกัน
พาส่องความแตกต่างของ คอนเทนต์ การตลาด และคอนเทนต์ดั้งเดิม
การตลาด (Marketing) คือ กลยุทธ์ที่แบรนด์ใช้ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้สนใจสินค้า และบริการ ของแต่ละธุรกิจผ่านการสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะเป็น “ลูกค้า” เริ่มรู้จัก และตัดสินใจเป็นลูกค้าของแบรนด์ โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
การตลาดแบบดั้งเดิม
การตลาดแบบดั้งเดิม (Traditional Marketing) คือ การทำการตลาดผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ช่องทางออนไลน์ หรือเรียกว่าการสื่อสารช่องทางเดียว ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ หรือป้ายบิลบอร์ด เป็นต้น ซึ่งการทำการตลาดแบบดั้งเดิม สามารถแบ่งได้ 5 ประเภท คือ
Billboard
ป้ายบิลบอร์ด หรือป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ตามถนน หรือทางด่วนที่มักจะดึงดูดความสนใจของผู้คนที่เดินทางผ่านไปมา โดยทางแบรนด์จะเน้นการสื่อสารด้วยข้อความ หรือรูปภาพขนาดใหญ่บนพื้นที่ที่กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ หรือแบรนด์นั้น ๆ อาศัยอยู่ หรือเป็นพื้นที่ที่มีคนผ่านไปมาเยอะ ๆ
Printed Media
การตลาดที่แบรนด์ต้องพึ่งพาสื่อ อย่าง หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารในการสื่อสารข้อมูลไปยังกลุ่มเป้าหมาย แต่ทั้งนี้การทำใบปลิวแจกตามงานอีเวนต์ หรือตามสถานที่ต่าง ๆ ก็เป็นอีกตัวอย่างของ Printed Media เช่นกัน
Broadcast
การตลาดผ่านการ Broadcast เช่น วิทยุ หรือโทรศัพท์ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย และเข้าถึงได้จำนวนมากในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งการบรอดแคสต์ยังมีการใช้มาจนถึงปัจจุบัน แต่จะเป็นการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ อย่าง Line เป็นต้น
Direct Mail
การตลาดในรูปแบบของการส่งจดหมายไปยังที่อยู่ของกลุ่มเป้าหมาย หรือกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ ซึ่งในปัจจุบันการตลาดแบบ Direct Mail ยังถูกใช้กับธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุตสาหกรรม ด้านการเงิน
Telemarketing
การตลาดแบบดั้งเดิมประเภทสุดท้าย คือ การตลาดที่เน้นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และลูกค้าผ่านเบอร์โทรศัพท์ (Telemarketing) ไม่ว่าจะเป็น การโทรหา หรือการส่งข้อความทางโทรศัพท์ (SMS) ก็ถือเป็นการตลาดประเภทนี้เช่นกัน
ข้อดี ข้อเสีย ของการตลาดแบบดั้งเดิม
ข้อดี
การตลาดแบบดั้งเดิมยากต่อการมองข้าม หรือเพิกเฉย ยิ่งเป็นโฆษณาบนบิลบอร์ดที่ตั้งอยู่บนทางด่วนที่มีผู้คนสัญจรไปมาตลอดเวลา และยิ่งในเวลาที่รถติด ด้วยความโดดเด่นของป้ายจึงยากที่จะมองข้าม
เป็นที่น่าจดจำ ระหว่างที่เดินทางไปข้างนอก เชื่อว่ามีหลายคนที่จำป้ายโฆษณาได้ โดยเฉพาะโฆษณาที่ติดตามรถเมล์ และบิลบอร์ด หรือตามป้ายรถเมล์ เป็นต้น
สามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลาย เพราะการตลาดแบบดั้งเดิมมีอยู่แทบทุกที่ที่ไม่ใช่ช่องทางออนไลน์ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้แบรนด์เป็นที่น่าจดจำแล้ว ยังเป็นการสร้างการรับรู้ (Awareness) ได้อีกด้วย
ข้อเสีย
ทำการวัดผลได้ยาก เพราะไม่มีเครื่องมือที่ช่วยติดตามข้อมูล ว่ามีคนเห็นโฆษณาทั้งหมดกี่คน หรือมีคนซื้อสินค้าจากโฆษณากี่คน จะได้เพียงการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ให้กับกลุ่มคนที่เห็น
กำหนดขอบเขตยาก เพราะไม่สามารถทำการตั้งค่า หรือระบุกลุ่มเป้าหมายแบบเฉพาะผ่านการโฆษณาได้
ใช้ต้นทุนเยอะ เพราะการลงทุนกับการตลาดแบบดั้งเดิม ต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างเยอะ และไม่สามารถแบ่งงบประมาณ หรือลองเทสต์โฆษณาได้
การตลาดออนไลน์
การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) คือ การทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ โดยจำเป็นต้องใช้สื่อดิจิทัล ในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย และการสร้างฐานลูกค้า ซึ่งประเภทของการตลาดออนไลน์มีทั้งหมด 7 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
Search Engine Marketing (SEM)
SEM คือ การทำการตลาดออนไลน์ผ่านเครื่องมือ อย่าง Search Engine โดยจะทำการตลาดผ่านการเลือกซื้อ Keyword ที่มีผู้ค้นหาจำนวนมาก และทำการดันหน้าสินค้าของคุณให้ผู้ค้นหาเจอเว็บไซต์แบรนด์ของคุณเป็นอันดับแรก ๆ
Search Engine Optimization (SEO)
SEO เป็นการตลาดคล้าย SEM แต่ต่างกันตรงที่ SEO จะไม่มีการใช้เงินในการดันเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรกของการค้นหาคีย์เวิร์ด แต่จะวัดจากคุณภาพของเว็บไซต์ และเนื้อหาภายในเว็บไซต์โดยรวม ว่ามีความเกี่ยวข้อง และมีคุณภาพมากพอให้ที่จะเปลี่ยนผู้อ่านให้กลายเป็นลูกค้าได้
Social Media Marketing
อยากทำseo
การตลาดออนไลน์อีกประเภทที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในยุคดิจิทัล เนื่องจากเป็นการทำการตลาดบนโซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook Instagram หรือ Youtube เป็นต้น ซึ่งในแต่ละแพลตฟอร์มจะมีวิธีการที่แตกต่างกันไปตามความเหมาะสม
Content Marketing
การทำการตลาดโดยใช้คอนเทนต์เป็นสารที่ต้องการจะสื่อกับกลุ่มเป้าหมาย โดย คอนเทนต์ การตลาด จะช่วยทำให้วัตถุประสงค์ต่าง ๆ สำเร็จขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็น การส่งมอบความรู้ การดึงความสนใจกลุ่มเป้าหมาย และการกระตุ้นเป้าหมายให้ตัดสินใจ รวมไปถึงการสร้างยอดขาย
Email Marketing
การทำการตลาดผ่านช่องทาง Email โดยวิธีการนี้สำคัญสำหรับการติดต่อสื่อสารทางด้านธุรกิจเป็นอย่างมาก ซึ่งสำหรับธุรกิจที่เน้นกลุ่มลูกค้าประเภท Business to Business ยังจำเป็นต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มรูปแบบนี้
Influencer Marketing
การทำการตลาดผ่าน Influencer โดยส่วนมากมักจะทำการตลาดผ่านแคมเปญ หรือเลือกให้ Influencer ผลิตคอนเทนต์ และสื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของเขา
Digital Advertising
การทำโฆษณาออนไลน์ เป็นการตลาดที่แบรนด์จำเป็นต้องใช้เงินลงทุน เพื่อซื้อพื้นที่บนโลกออนไลน์ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายในการโปรโมตสินค้า และบริการ ซึ่งการทำการตลาดประเภทนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะสามารถเลือก และกำหนดวัตถุประสงค์ของการทำแคมเปญโฆษณาได้
ข้อดี ข้อเสีย ของการตลาดออนไลน์
ข้อดี
สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ เพราะการทำการตลาดออนไลน์บนออนไลน์แพลตฟอร์ม โดยทางแบรนด์สามารถเข้าไปควบคุมงบประมาณได้จากเครื่องมือ Ads ของแต่ละแพลตฟอร์ม
มีเทคโนโลยีคอยช่วยวิเคราะห์ข้อมูลระหว่างทำการตลาดได้แบบ Real Time โดยคุณสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาตัดสินใจ และปรับปรุงวิธีการทำธุรกิจได้ทันที
ทำการตลาดได้จากทุกที่ ทุกเวลา เพราะการทำการตลาดบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ได้มีการจำกัดพื้นที่ ด้วยความที่โลกอินเตอร์เน็ตไม่มีขอบเขตตายตัว ทำให้แบรนด์สามารถยิง Ads ไปยังจังหวัด และประเทศต่าง ๆ ได้
ข้อเสีย
การแข่งขันสูง เพราะการทำการตลาด Online Marketing สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ ส่งผลให้ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเล็ก หรือใหญ่ก็สามารถทำการตลาดได้
ใช้ทักษะการเรียนรู้ด้านดิจิทัลอย่างครอบคลุมทุกด้าน เพราะการตลาดออนไลน์เป็นเรื่องใหม่ จึงต้องการทักษะ และกลยุทธ์ใหม่ ๆ ในการทำการตลาดอยู่เสมอ
ด้วยความที่การตลาดออนไลน์เป็น Two way communication ที่ลูกค้าสามารถสื่อสารกับแบรนด์ได้ ดังนั้นหากเกิดกระแสด้านลบเกี่ยวกับแบรนด์ ลูกค้าก็สามารถให้ฟีดแบกได้อย่างเปิดเผย จนอาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้
กล่าวสรุป คือ การตลาดทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะพื้นที่ที่ใช้ในการโปรโมตสินค้า และบริการของแบรนด์ อย่างไรก็ตาม การตลาดทั้งสองแบบมีความสำคัญ ข้อดี และข้อเสียแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าวัตถุประสงค์ของแบรนด์ต้องการทำการตลาดแบบไหน หรือกลุ่มเป้าหมายคือใคร เพราะบางจุดประสงค์ก็เหมาะสมกับวิธีการทำการตลาดแต่ละแบบต่างกัน
สุดท้ายนี้สำหรับใครที่อยากจะมีแบรนด์ หรือธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ยังไม่มั่นใจเรื่องความรู้ในการทำการตลาด ให้ คอมม่อน กราวด์ เอเจนซี เป็นหนึ่งในตัวเลือก เพราะเรามีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการทำการตลาดออนไลน์ทุกรูปแบบ หากสนใจสามารถติดต่อได้ที่
Tel: 081-426-6695
Email: Enjoy@iamcommonground.com
Facebook Page: Common Ground