-t — различия между версиями

Материал из ТОГБУ Компьютерный Центр
Перейти к: навигация, поиск
м (-t)
м (-t)
Строка 1: Строка 1:
การปลูกผักสวนครัวเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ช่วยให้มีผักสด ๆ รับประทานเอง และยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยลดมลภาวะอีกด้วย<br /><br />การปลูกผักสวนครัวสามารถทำได้หลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับพื้นที่และงบประมาณที่มี หากมีพื้นที่จำกัด การปลูกผักสวนครัวในกระถางหรือภาชนะขนาดเล็กก็เป็นทางเลือกที่ดี แต่หากมีพื้นที่เพียงพอ การปลูกผักสวนครัวในแปลงดินก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะสามารถปลูกผักได้หลากหลายชนิดและปริมาณมากขึ้น<br /><br />ขั้นตอนการปลูกผักสวนครัว<br /><br /><br /><br />เลือกพื้นที่ที่เหมาะสม พื้นที่สำหรับปลูกผักสวนครัวควรมีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน หากเป็นการปลูกผักสวนครัวในกระถางหรือภาชนะขนาดเล็ก ควรวางกระถางหรือภาชนะไว้ในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึง<br /><br />ปลูกผักสวนครัวในกระถางOpens in a new window<br /><br />www.technologychaoban.com<br /><br /><br /><br /><br /><br />ปลูกผักสวนครัวในกระถาง<br /><br />เตรียมดินให้เหมาะสม ดินสำหรับปลูกผักสวนครัวควรมีอินทรียวัตถุสูง ระบายน้ำได้ดี ดินร่วนปนทรายหรือดินร่วนเหนียวเป็นดินที่เหมาะสมสำหรับปลูกผักสวนครัว หากดินมีสภาพไม่ดี ควรปรับปรุงดินโดยการใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักก่อนปลูกผัก<br /><br />เลือกเมล็ดพันธุ์หรือต้นกล้า เมล็ดพันธุ์และต้นกล้าเป็นปัจจัยสำคัญในการปลูกผักสวนครัว ควรเลือกเมล็ดพันธุ์หรือต้นกล้าที่มีคุณภาพ แข็งแรง ปลอดโรค<br /><br />ปลูกผัก การปลูกผักสามารถทำได้หลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับชนิดของผัก การปลูกผักในแปลงดินสามารถทำได้โดยการขุดหลุมปลูกให้มีขนาดเหมาะสมกับขนาดของผักที่ต้องการปลูก จากนั้นใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไปในหลุมเล็กน้อย แล้วนำผักลงปลูก รดน้ำให้ชุ่ม<br /><br />ดูแลรักษา การดูแลรักษาผักสวนครัวที่สำคัญ ได้แก่ การรดน้ำ ใส่ปุ๋ย และกำจัดวัชพืช<br /><br />การให้น้ำ ผักสวนครัวต้องการน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยควรให้น้ำอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง หากอากาศร้อนจัด ควรให้น้ำ 2-3 ครั้งต่อวัน<br /><br />การใส่ปุ๋ย ผักสวนครัวต้องการปุ๋ยเพื่อเจริญเติบโต ควรใส่ปุ๋ยบำรุงดินอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ปุ๋ยที่เหมาะสมสำหรับปลูกผักสวนครัว ได้แก่ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก และปุ๋ยเคมี<br /><br />การกำจัดวัชพืช วัชพืชเป็นศัตรูพืชที่สำคัญของผักสวนครัว ควรกำจัดวัชพืชเป็นประจำ โดยถอนวัชพืชออกให้หมด<br /><br />การใส่ปุ๋ยบำรุงดิน ปุ๋ยที่เหมาะสมสำหรับปลูกผักสวนครัว ได้แก่ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก และปุ๋ยเคมี<br /><br />การเก็บเกี่ยว ผักสวนครัวพร้อมเก็บเกี่ยวเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่ ผักแต่ละชนิดจะมีระยะเวลาการเก็บเกี่ยวที่แตกต่างกัน ควรสังเกตลักษณะของผักแต่ละชนิดเพื่อกำหนดเวลาเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม<br /><br />ข้อควรระวังในการปลูกผักสวนครัว<br /><br />ควรเลือกพื้นที่ปลูกผักที่ปลอดภัยจากสัตว์เลี้ยง สัตว์ต่างถิ่น หรือบุคคลที่ไม่ประสงค์ดี<br /><br />ควรหมั่นตรวจดูผักสวนครัวเป็นประจำเพื่อสังเกตปัญหาศัตรูพืชและโรคพืช<br /><br />หากพบปัญหาศัตรูพืชหรือโรคพืช ควรรีบแก้ไขโดยเร็ว<br /><br />การปลูกผักสวนครัวเป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ไม่ยาก เพียงแค่ปฏิบัติตามขั้นตอนและข้อควรระวังข้างต้น ก็สามารถปลูกผักสวนครัวได้สำเร็จและได้ผักสด ๆ รับประทานเอง<br /><br /> [https://kasetphan.com/ รั้วตาข่าย] <br /><br /><br /><br />
+
มะม่วงเบาเป็นผลไม้ที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน นิยมนำมารับประทานสด ใส่ยำ ใส่น้ำพริก หรือทำเป็นมะม่วงเบาแช่อิ่ม มะม่วงเบามีถิ่นกำเนิดในภาคใต้ของประเทศไทย ปลูกได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้น<br /><br />การเตรียมพื้นที่ปลูก<br /><br />การเตรียมพื้นที่ปลูกมะม่วงเบา มีดังนี้<br /><br />เลือกพื้นที่ที่มีแดดส่องถึงอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน<br /><br />ปรับพื้นที่ให้เรียบเสมอกัน<br /><br />ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อบำรุงดิน<br /><br />ทำร่องหรือหลุมสำหรับปลูกมะม่วงเบา ระยะห่างระหว่างต้น 5-6 เมตร ระยะห่างระหว่างแถว 6-7 เมตร<br /><br />การเลือกพันธุ์มะม่วงเบา<br /><br />พันธุ์มะม่วงเบาที่นิยมปลูก ได้แก่<br /><br />พันธุ์เบาปราณบุรี<br /><br />พันธุ์เบานครปฐม<br /><br />พันธุ์เบาสุราษฎร์ธานี<br /><br />พันธุ์เบาสงขลา<br /><br />วิธีการปลูกมะม่วงเบา<br /><br />การปลูกมะม่วงเบามี 2 วิธี คือ<br /><br />การปลูกมะม่วงเบาด้วยเมล็ด<br /><br />นำเมล็ดมะม่วงเบาที่แก่จัดมาเพาะในถุงเพาะชำ ใช้เวลาเพาะประมาณ 3-4 เดือน เมื่อต้นกล้ามีความสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร จึงย้ายปลูกลงแปลง<br /><br />การปลูกมะม่วงเบาด้วยต้นกล้า<br /><br />เลือกต้นกล้ามะม่วงเบาที่มีอายุประมาณ 6-12 เดือน ต้นกล้ามีความสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร ปลูกลงแปลงตามระยะห่างที่กำหนด<br /><br />การดูแลรักษามะม่วงเบา<br /><br />การดูแลรักษามะม่วงเบา มีดังนี้<br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br />การให้น้ำ<br /><br />รดน้ำมะม่วงเบาอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน<br /><br />การให้ปุ๋ย<br /><br />ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักปีละ 2 ครั้ง ครั้งแรกในช่วงต้นฤดูฝน ครั้งที่สองในช่วงปลายฤดูฝน<br /><br />การตัดแต่งกิ่ง<br /><br />ตัดแต่งกิ่งมะม่วงเบาปีละ 1 ครั้ง ในช่วงฤดูหนาว<br /><br />การป้องกันศัตรูพืชและโรคพืช<br /><br />หมั่นตรวจดูมะม่วงเบาเป็นประจำ หากพบศัตรูพืชหรือโรคพืช ให้ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดตามคำแนะนำ<br /><br />การเก็บเกี่ยวมะม่วงเบา<br /><br />มะม่วงเบาจะเริ่มออกดอกในช่วงฤดูหนาว ผลมะม่วงเบาจะสุกในช่วงฤดูร้อน มะม่วงเบาสุกจะมีเปลือกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมเขียว ผลมะม่วงเบาจะรับประทานได้สดหรือนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้<br /><br />เคล็ดลับการปลูกมะม่วงเบาให้ได้ผลดี<br /><br />เลือกพันธุ์มะม่วงเบาที่ทนทานต่อสภาพอากาศและศัตรูพืช<br /><br />ใส่ปุ๋ยบำรุงดินอย่างสม่ำเสมอ<br /><br />รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ แต่อย่ารดน้ำมากเกินไป<br /><br />ตัดแต่งกิ่งอย่างสม่ำเสมอ<br /><br />หมั่นตรวจดูมะม่วงเบาเป็นประจำ หากพบศัตรูพืชหรือโรคพืช ให้ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดตามคำแนะนำ<br /><br />การปลูกมะม่วงเบาเป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ไม่ยาก มะม่วงเบาเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์และรับประทานได้หลากหลาย การปลูกมะม่วงเบานอกจากจะได้มะม่วงเบาที่รับประทานสดแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างรายได้อีกด้วย<br /><br /> [https://kasetphan.com/ รั้วตาข่าย] <br /><br /><br /><br />

Версия 06:40, 4 декабря 2023

มะม่วงเบาเป็นผลไม้ที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน นิยมนำมารับประทานสด ใส่ยำ ใส่น้ำพริก หรือทำเป็นมะม่วงเบาแช่อิ่ม มะม่วงเบามีถิ่นกำเนิดในภาคใต้ของประเทศไทย ปลูกได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้น

การเตรียมพื้นที่ปลูก

การเตรียมพื้นที่ปลูกมะม่วงเบา มีดังนี้

เลือกพื้นที่ที่มีแดดส่องถึงอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน

ปรับพื้นที่ให้เรียบเสมอกัน

ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อบำรุงดิน

ทำร่องหรือหลุมสำหรับปลูกมะม่วงเบา ระยะห่างระหว่างต้น 5-6 เมตร ระยะห่างระหว่างแถว 6-7 เมตร

การเลือกพันธุ์มะม่วงเบา

พันธุ์มะม่วงเบาที่นิยมปลูก ได้แก่

พันธุ์เบาปราณบุรี

พันธุ์เบานครปฐม

พันธุ์เบาสุราษฎร์ธานี

พันธุ์เบาสงขลา

วิธีการปลูกมะม่วงเบา

การปลูกมะม่วงเบามี 2 วิธี คือ

การปลูกมะม่วงเบาด้วยเมล็ด

นำเมล็ดมะม่วงเบาที่แก่จัดมาเพาะในถุงเพาะชำ ใช้เวลาเพาะประมาณ 3-4 เดือน เมื่อต้นกล้ามีความสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร จึงย้ายปลูกลงแปลง

การปลูกมะม่วงเบาด้วยต้นกล้า

เลือกต้นกล้ามะม่วงเบาที่มีอายุประมาณ 6-12 เดือน ต้นกล้ามีความสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร ปลูกลงแปลงตามระยะห่างที่กำหนด

การดูแลรักษามะม่วงเบา

การดูแลรักษามะม่วงเบา มีดังนี้







การให้น้ำ

รดน้ำมะม่วงเบาอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน

การให้ปุ๋ย

ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักปีละ 2 ครั้ง ครั้งแรกในช่วงต้นฤดูฝน ครั้งที่สองในช่วงปลายฤดูฝน

การตัดแต่งกิ่ง

ตัดแต่งกิ่งมะม่วงเบาปีละ 1 ครั้ง ในช่วงฤดูหนาว

การป้องกันศัตรูพืชและโรคพืช

หมั่นตรวจดูมะม่วงเบาเป็นประจำ หากพบศัตรูพืชหรือโรคพืช ให้ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดตามคำแนะนำ

การเก็บเกี่ยวมะม่วงเบา

มะม่วงเบาจะเริ่มออกดอกในช่วงฤดูหนาว ผลมะม่วงเบาจะสุกในช่วงฤดูร้อน มะม่วงเบาสุกจะมีเปลือกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมเขียว ผลมะม่วงเบาจะรับประทานได้สดหรือนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้

เคล็ดลับการปลูกมะม่วงเบาให้ได้ผลดี

เลือกพันธุ์มะม่วงเบาที่ทนทานต่อสภาพอากาศและศัตรูพืช

ใส่ปุ๋ยบำรุงดินอย่างสม่ำเสมอ

รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ แต่อย่ารดน้ำมากเกินไป

ตัดแต่งกิ่งอย่างสม่ำเสมอ

หมั่นตรวจดูมะม่วงเบาเป็นประจำ หากพบศัตรูพืชหรือโรคพืช ให้ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดตามคำแนะนำ

การปลูกมะม่วงเบาเป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ไม่ยาก มะม่วงเบาเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์และรับประทานได้หลากหลาย การปลูกมะม่วงเบานอกจากจะได้มะม่วงเบาที่รับประทานสดแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างรายได้อีกด้วย

รั้วตาข่าย