------o — различия между версиями

Материал из ТОГБУ Компьютерный Центр
Перейти к: навигация, поиск
м (------o)
м (------o)
Строка 1: Строка 1:
여성을 위한 고품질 시계와 지갑을 다양한 매장에서 만나보실 수 있습니다. [https://genteel-mango-dp652l.mystrikingly.com/blog/334ada51f0e 레플리카] (Gucci)는 온라인 매장을 갖춘 가장 유명한 패션 하우스 중 하나입니다. 기차. 버버리. Tiffany &amp; Co.뿐만 아니라 쉽게 구할 수 있습니다. 잘 알려지지 않은 몇몇 공급업체는 여성용 고품질 재생산 액세서리를 제공합니다. 예를 들어, UGG Australia는 여성용 고급 부티크에서 여성용 디자이너 청바지와 기타 다양한 여성 의류를 판매합니다.<br /><br />하이엔드 디자인과 프리미엄 소재로 유명한 여성 패션 하우스 트레인(Train)이 단연 1위를 차지하고 있습니다. 기차시계는 그렇게 비싸지 않아요. 다른 지역에서는 훨씬 더 저렴한 가격으로 구입할 수 있습니다. 좋아하는 브랜드의 여성용 시계를 온라인으로 구매하면 비용을 절약할 수 있습니다.<br /><br />인터넷은 여성용 시계를 구매할 수 있는 환상적인 장소입니다. 매장에서는 줄을 서서 기다리거나, 군중을 상대하거나, 발생할 수 있는 기타 문제를 처리할 수 있습니다. 몇 가지 단점이 있습니다. 온라인에서 최고 품질의 제품을 구입하는 것이 매우 중요합니다.<br /><br />귀하가 원하는 것을 정확하게 찾지 못한 경우 당사는 항상 반품을 허용합니다. 항상 좋은 상품을 찾을 수는 없으므로 계속 찾아보세요.<br /><br />여성의 관심을 끌기 위한 사기꾼에게 이용당하지 않도록 주의하세요. 여성용 시계를 구매할 계획이라면 우수한 소비자 서비스 문서를 갖춘 신뢰할 수 있는 판매자를 찾으세요.<br /><br />인터넷을 사용하면 가격을 비교하고 가장 좋은 거래를 쉽게 찾을 수 있습니다. 뿐만 아니라 인쇄된 마케팅 브로셔에서 찾을 수 있는 것보다 온라인에서 여성 기대에 관한 더 많은 정보를 읽을 수 있습니다. 설명을 읽고 시계가 무엇을 제공하는지 확인하세요. 시계에 포함되어야 하는 속성과 기타 기능에 대해 알아보는 시간을 가지세요. 이렇게 하면 시계가 기대에 부응하는지 판단할 수 있습니다. 수많은 웹사이트에서 여성용 시계에 대한 전문적인 추천을 제공합니다.<br /><br />가짜 사이트를 조심하세요. [https://rentry.co/yogek 레플리카] 여성의 패션 탐구를 노리는 사이트가 많이 있습니다. 여러 사이트에서 모조 시계를 판매합니다. 구매하기 전에 사이트의 신뢰성을 확인하세요. 일반적으로 Google 검색만으로도 신뢰성을 확인할 수 있습니다.<br /><br />탁월한 고객 서비스를 제공하는 신뢰할 수 있는 공급업체로부터 여성용 시계를 구입하는 것이 최선의 선택입니다. 모조품은 괜찮지만, 가짜라도 구매에 대해 좋은 느낌을 받고 싶습니다. 최고급 여성용 시계를 찾는 것은 쉽습니다. 당신은 그들을 찾으면됩니다.<br /><br />고품질 시계와 지갑의 경우 여성에게는 여러 가지 옵션이 있습니다. 선호하는 여성용 시계를 온라인으로 구매하면 비용을 절약할 수 있습니다.<br /><br />인터넷을 사용하여 온라인으로 여성용 시계를 구입할 수 있습니다. 또한 판매 브로셔보다 온라인에서 여성용 시계에 대한 더 많은 정보를 찾을 수 있습니다. 최고 품질의 여성용 시계는 매우 쉽게 찾을 수 있습니다.<br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br />
+
ตรวจเช็กสุขภาพรวมทั้งโรคประจำตัว เรื่องราวการแพ้ยา จะต้องตรวจร่างกายก่อนเข้ารับการศัลยกรรมเพื่อประเมินความพร้อมเพรียง ความเสี่ยงโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีประวัติการรักษา ดังเช่นว่า โรคประจำตัว เรื่องราวแพ้ยา ร่วมถึงเวลาการมีระดูด้วย Click! อ่านต่อเรื่อง “มีโรคประจำตัวศัลยกรรมได้ไหม”งดรับประทานยาแก้ปวด แก้อักเสบก่อนเข้ารับการผ่าตัด งดรั [https://sanfordburt12.livejournal.com/profile ฉีด โบ ท็ อก] ุ๊ปแอสไพริน ( Aspirin ) และไอบูโพรเฟน ( Ibuprofen ) เพราะว่ากลุ่มยาจำพวกนี้จะช่วยทำให้กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด เพราะฉะนั้นแม้กินก่อนจะเข้ารับการผ่าตัดอาจทำให้เกิดอาการเลือดแข็งช้าและก็บางทีอาจเป็นอันตรายได้ การศัลยกรรมอกเป็นหนึ่งในความฝันที่ผู้หญิงหลายๆคนอยากทดลองทำซักครั้งในชีวิต เพื่อสร้างเสริมความเชื่อมั่นและมั่นใจและความสวยสดงดงามให้กับรูปร่างของตัวเอง แต่หลายๆคนก็ยังลังเลถึงผลที่จะตามมา ยังไม่แน่ใจว่าจะปฏิบัติดีไหม ส่งผลข้างเคียงหรือเปล่า รวมทั้งต้องดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง? แล้วก็นี่คือ 10 สิ่งสำคัญที่ควรจะทราบและก็ทำความเข้าใจ…ก่อนที่จะตัดสินใจทำศัลยกรรมเสริมอก<br /><br />ข้อควรจะรู้ก่อนทำศัลยกรรมอก หรือเสริมทรวงอก ข้อ 1 จำต้องถามตัวเองก่อนว่า ‘ปรารถนาอะไร?’ ก่อนที่จะตัดสินใจทำสาวๆควรถามตัวเองก่อนว่า ‘ตนเองอยากอะไร?’ หรือ ‘ปัญหาของเรา ฉีดโบท็อก ที่ไหนดี เป็นอย่างไร?’ จึงจะได้คำตอบว่าเพราะอะไรถึงต้องทำศัลยกรรมเสริมอก ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว ปัญหาของคนที่ตกลงใจศัลยกรรมอกมักจะมี 2 ข้อ คือหากแพ้ยา หรือ มีโรคประจำตัว โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนนัดหมายผ่าตัด ถ้ามีโรคประจำตัวควรที่จะต้องปรึกษาแพทย์ประจำตัว หรืออายุรเวชก่อนที่จะนัดผ่าตัด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยสำหรับการผ่าตัดของคนไข้เอง<br /><br />ในกรณีที่เป็นโรคภูมิแพ้ อีกทั้งทางจมูก ทางตาแล้วก็ทางผิวหนัง ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนนัดหมายผ่าตัด ในกรณีที่มีประวัติเป็นโรคเริมรวมทั้งงูสวัดรอบๆร่างกายมาก่อน โปรดแจ้งให้หมอรู้ก่อนนัดหมายผ่าตัด ต้องแจ้งให้หมอรู้เกี่ยวกับประวัติการแต่งหน้า เช่น สารคลายกล้าม , ฟิลเลอร์ , ร้อยไหม , Meso Fat , ซิลิโคน , สารอควาลิฟ (Aqua Lift) , สารไบโอพลาสติก (Bioplastic) โดยยิ่งไปกว่านั้นที่เคยฉีดกับหมอกระเป๋า และศัลยกรรมความงดงามบนใบหน้าที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ ดังนี้เพื่อช่วยสำหรับการกำหนดแผนการผ่าตัดของแพทย์อย่างถูกต้องแม่นยำ ผลการผ่าตัดดีแล้วก็เป็นที่น่าพอใจ ตลอดจนความปลอดภัยของคนป่วยเองทั้งยังในระหว่างการผ่าตัด และก็ข้างหลังการผ่าตัด หลบหลีกการผ่าตัดใหญ่ ในขณะมีประจำเดือน งดเว้นดูดบุหรี่ เป็นเวลา 2 เดือนก่อนและหลังผ่าตัด<br /><br />งดแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง งดเว้นดื่มกาแฟ (กรณีผู้ที่ทานในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น) ตรงเวลา 1 อาทิตย์ งดเว้นวิตามิน หรือ ยาที่มีผลต่อลักษณะการทำงานของเกล็ดเลือดแล้วก็การแข็งตัวของเลือด เพราะเหตุว่าจะทำให้เลือดหยุดไหลยากในขณะผ่าตัดและก็ข้างหลังผ่าตัด แผลบวมช้ำมากจนเกินไปหลังการผ่าตัด แผลก็จะหายยากด้วย อาทิเช่น Fish oil , Vitamin C E , Green Tea ,Grape Seed (สารสกัดเม็ดองุ่น) สารสกัดแปะก๊วย (Gingko) , กระเทียม เป็นต้น อย่างน้อย 1 อาทิตย์ ก่อนและข้างหลังการผ่าตัด หรือ โบทูไลนุ่มท็อกสิน เป็นสารประเภทโปรตีนประเภทหนึ่ง ซึ่งมีฤทธิ์สำหรับการยับยั้งสัญญาณประสาทที่จะมากระตุ้นกล้ามเนื้อให้หดตัว ผลก็เลยทำให้กล้ามตึงเยอะขึ้น ขยับลดน้อยลงขอรับ<br /><br />ความเป็นจริง สารนี้มีชื่อว่า โบทูไลนุ่มท็อกซิน ขอรับ แม้กระนั้นชื่อ โบท็อก ที่พวกเราเรียกกันติดปากนั้น เป็นชื่อทางด้านการค้าของ ผลิตภัณฑ์ตัวโบทูไลนุ่มท็อกสิน ที่สร้างจากบริษัทที่เป็นคนคิดค้นและถือลิขสิทธิ์ บริษัทแรกของโลกนะครับ ซึ่งชื่อ โบท็อก ทั้งยังสั้นแล้วก็เรียกง่าย ก็เลยชินปากทั้งยังแพทย์และผู้เจ็บป่วยส่วนมากมาจนถึงปัจจุบันนั่นเองครับ สาร โบทูไลนุ่มท็อกสิน หรือ โบท็อก เป็นสารที่ผลิตโดยแบคทีเรียประเภทหนึ่ง ที่ชื่อว่า คลอสทริเดียม โบทูไลนุ่ม Clostridium botulinum ซึ่งบางทีอาจจัดได้ว่าเป็น “พิษ” (ท็อกซิน toxin) (เพราะว่าในจำนวนที่มากๆมันจะมีฤทธิ์บล๊อคกล้ามผูกต่างๆของร่างกายพวกเรา) แต่ว่าแม้จะจัดเป็นพิษ แม้กระนั้นแม้ประยุกต์ใช้ในขนาดที่น้อยๆเหมาะสมเพียงพอสม ก็สามารถนำเอามาเป็นประโยชน์ทางด้านการแพทย์ ให้คุณได้อย่างมากมายอย่างยิ่งจริงๆครับโบท็อกกราม หรือ การฉีดโบลดกราม (Masseter Botox)<br /><br />การฉีดสาร Botulinum Toxin Type A หรือที่เรียกสั้นๆว่าโบท็อก (Botox) เข้าไปยับยั้งหลักการทำงานของกล้ามบริเวณกรามชั่วคราว เมื่อกล้ามมิได้ถูกใช้งานหนักๆหรือเสมอๆก็จะส่งผลให้กล้ามเนื้อกรามมีขนาดที่เล็กลง ถ้าแพทย์มีแนวทางเฉพาะสำหรับเพื่อการฉีดโบท็อกกรามยังสามารถปรับรูปหน้า V-shape ทำให้หน้าดูเรียวขึ้นได้อีกด้วย ซึ่งเรียกวิธีนี้ว่า การฉีดโบลิฟกรอบหน้า ยิ่งไปกว่านั้นการฉีดโบยังช่วยทำให้กล้ามที่หดเกร็งเกิดการคลายตัว ริ้วรอยก็เลยแลดูจางลงและตื้นขึ้น ส่งผลให้ผิวเรียบเนียนตามหลังฉีดโบหน้าเรียวควรงดนอนราบตรงเวลาราวๆ 4 ชั่วโมง เพื่อคุ้มครองป้องกันการไหลของโบท็อกซ์ งดการนวดจับเส้นรอบๆที่ฉีดโบหน้าเรียว ตรงเวลา 1 เดือน หลบหลีกไม่ให้รอบๆที่ฉีดโบหน้าเรียวโดนความร้อนเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์<br /><br />เลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้บริเวณใบหน้าเกิดอาการ fushing ยกตัวอย่างเช่น ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์, บริหารร่างกายอย่างหนัก, อบซาวน่า, แช่น้ำอุ่น เพราะเหตุว่าความร้อนจะเสื่อมสภาพยาให้หมดสภาพเร็วขึ้น ข้างหลังฉีดโบหน้าเรียว หรือข้างหลังการฉีดโบท็อกซ์รอบๆฟันกราม ให้เคี้ยวหมากฝรั่ง 2 ข้างเท่าๆกัน โดยการสลับซ้ายขวา ตรงเวลา 30 นาที – 1 ชั่วโมง เพื่อให้ตัวยากระจายเข้ากล้าม ฉีดโบท็อก หน้าเรียว รอบๆที่ฉีดได้ดียิ่งขึ้น งดกระบวนการทำทรีทเม้นท์ด้วยเครื่อง RF หรือเลเซอร์ 2 อาทิตย์ แต่ว่าสามารถทาครีมได้ตามปกติซึ่งตำแหน่งสำหรับเพื่อการเกาะในแต่ละคนหรือบางคราวคนเดียวกันสองข้างก็เกาะแตกต่างกัน ดูจากบางบุคคลยิ้มแล้วมุมปากไม่เท่ากันตอนแรกก็มี มันก็เบาๆเป็นผลมาจากกล้ามที่ชื่อไลโซเลียสนี่แหละ ซึ่งหากหมอที่มีประสบการณ์ จะบากบั่นเลี่ยงกล้ามไลโซเลียส ให้คนไข้อยู่แล้ว<br /><br />โดยการฉีดโบท็อกไม่ให้ตรงกับตำแหน่งที่เป็นกล้ามเนื้อไลโซเลียส แม้กระนั้นก็จะมีคนไข้บางบุคคลที่มีการเกาะตำแหน่งของกล้ามไลโซเลียสผิดปกติไปจากคนอื่นทั่วๆไป แล้วกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการปากเบี้ยวขึ้นมาได้จากการฉีดโบท็อก ซึ่งก็ไม่ใช่ผลถาวร พอเพียงผ่านระยะไป 1-2 เดือน ก็จะหายไปเอง แล้วถ้าแพทย์ที่เคยเจอคนไข้เคสแบบนี้ ก็จะลงบันทึกประวัติไว้ให้คนป่วยว่ามีกล้ามเนื้อไลโซเลียสเกาะแตกต่างจากปกติโดยการฉีดโบท็อกครั้งต่อๆเป็นชื่อทางด้านการค้าของสารสกัดที่เรียกว่า โบทูลินัมท็อกซินเอ (Botulinum toxin A) จากแบคทีเรียคลอสตริเดียมโบทูลินัม (Clostridium botulinum) ผู้คนจำนวนมากเรียกกันจนติดปากว่า โบทอก แต่ว่าหารู้ไม่ว่า กำลังเรียกชื่อแบรนด์สารตัวนี้จนชิน แต่ไม่ใช่ชื่อที่แท้จริงของเจ้าโบตัวนี้<br /><br />โบทอกออกฤทธิ์เช่นไร? สารตัวนี้นี้ มีความเป็นพิษอ่อนๆต่อระบบประสาท (Neurotoxin) ถ้าเกิดได้มาโดยการกินจะมีผลให้กำเนิดอาการของกินเป็นพิษหรือกำเนิดอาการกล้ามเนื้อเหน็ดเหนื่อย แต่ว่าหากได้โดยการฉีดเฉพาะจุดในจำนวนพอดี จะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว ซึ่งในวงการแพทย์ มีการประยุกต์ใช้สำหรับในการรักษาโรคตาเหล่ ตาเหล่ นอกจากนั้นยังเกิดผลดีในวงการเสริมความสวย ทำให้หน้าเรียวงาม หากฉีดรอบๆใต้ตา หางตา หน้าผาก จะมีผลให้ริ้วรอยเลือนหาย ย้อนวัยกันเลยทีเดียวนั่ม<br /><br />ท็อกสิน เอ (ฺBotulinum Toxin A) หรือที่รู้จักคุ้นเคยกันจนเคยชินหูว่า “โบท็อกซ์ (Botox)” นั้น เป็นตัวยาที่ส่งผลให้เกิดการอัมพาตของกล้ามชั่วประเดี๋ยว ซึ่งถูกทำขึ้นจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Bacterium Clostridium Botulinum) แม้ได้รับในจำนวนมากอาจจะอันตรายถึงชีวิตได้ ดังเช่นว่า ในกรณีข้างหลังได้รับโบท็อกซ์ที่ปนเปื้อนมาในของกินที่รับประทานไม่น้อยเลยทีเดียว บางทีอาจจะทำกล้ามเนื้อกะบังลมหยุดปฏิบัติงาน หายใจไม่ออกได้ผิวหน้าของคนเราเปรียบได้กับผ้าที่มีไว้เพื่อเช็ดหน้าตึงๆหนึ่งผืน ซึ่งความตึงนี้มาจากคอลลาเจนรวมทั้งอีลาสตินที่อยู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งจะปฏิบัติภารกิจคอยขึงให้ผิวหนังของเราเต่งตึงและก็มีความยืดหยุ่นตลอดเวลา<br /><br />แต่เมื่อแก่ขึ้นเรื่อยๆรวมถึงการพบเจอกับแสงอาทิตย์รวมทั้งความเครียดที่สะสมไปตามวัย จะก่อให้คอลลาเจนและอีลาสตินเริ่มต่ำลง ทำให้ในขณะที่เรายิ้ม ขมวดคิ้ว หรือเลิกหน้าผาก รอยย่นต่างๆก็จะเริ่มผุดขึ้นมา นั่นเป็นเนื่องจากว่าสมองของเราสั่งการให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าหดตัวเพื่อแสดงออกทางอารมณ์ กระทั่งทำให้ผิวหนังเข้าใกล้กันมากขึ้น เปรียบได้ดั่งการขยุ้มผ้าที่มีไว้เพื่อเช็ดหน้า จากที่ตึงๆอยู่มันก็จะเบาๆขยับเข้ามารวมเป็นกระจุก จนกระทั่งกำเนิดเป็นรอยย่นที่เห็นชัดเยอะขึ้นนั่นเองการฉีดโบท็อกซ์กรามนั้นเป็นการฉีด Botox เพื่อปรับรูปหน้า โดยใช้ตัวยาในโบท็อกซ์ที่ชื่อว่า Botulinum Toxin A ที่สกัดมาจากแบคทีเรียเพื่อออกฤทธิ์ไม่ให้กล้ามบริเวณฟันกรามขยับได้ จนถึงนำมาซึ่งการทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง ด้วยเหตุผลดังกล่าว<br /><br />การฉีดโบท็อกซ์ลดกราม จึงช่วยให้คนที่มีลักษณะบริเวณใบหน้ากรามเด่นชัดมองสมส่วนขึ้น เพราะเหตุว่ารูปหน้าเล็กลงอย่างชัดเจน และที่สำคัญ กระบวนการทำโบท็อกซ์ฟันกรามยังสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอย แล้วก็รอยย่นในบริเวณใกล้เคียงได้อีกด้วย ในความเป็นจริงแล้วคำว่า โบท็อก (BOTOX) ที่พวกเรารู้จักรวมทั้งเรียกกันกระทั่งชินปากนี้ มาจากชื่อทางด้านการค้า ของของบริษัทขายยา Allergan ที่เป็นผู้จำหน่าย ผลิตแล้วก็พัฒนาเวชภัณฑ์รายใหญ่ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นแบรนด์แรกและเป็นที่รู้จักทั้งโลก ทำให้สินค้าที่ฉีดเพื่อช่วยลดเรือนริ้วรอย ไม่ว่าแบรนด์อะไรมาจากประเทศไหน ก็จะถูกเรียกว่าโบท็อกทั้งสิ้นนั่นเอง<br /><br />โบท็อก (BOTOX) หรือ โบทูลินั่ม ท็อกสิน เอ (Botulinum toxin type A) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่สกัดจากแบคทีเรียที่มีคุณประโยชน์อย่าง คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ซึ่งในทีแรกๆสารนี้ทางแวดวงแพทย์เอาไว้ใช้เพื่อรักษาโรค ตาเหล่ กล้ามเนื้อตากระตุก รวมทั้งอาการปวดหัวไมเกรน เพราะเหตุว่า มีฤทธิ์ช่วยทำให้กล้ามเนื้อคลายในบริเวณที่หดตัว กล้ามเนื้ออ่อนเพลียลง และก็หดเล็กลงสุดท้าย จึงได้พัฒนามาใช้ในวงการเสริมความงดงาม อย่างการช่วยลดริ้วรอย ปรับรูปหน้ายี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ฉีด ถ้าหากเลือกโบท็อกซ์ที่มีความบริสุทธิ์สูง จะอยู่ในร่างกายได้เป็นเวลานานกว่า เนื่องจากว่าร่างกายจะทำลายโปรตีนด้ามจับกับโบท็อกซ์ โดยโบท็อกซ์ที่มีโปรตีนมากยิ่งกว่าจะถูกทำลายได้ง่ายยิ่งกว่าโบท็อกซ์ที่มีโปรตีนสูง<br /><br /><br /><br /><br /><br />ตำแหน่งที่ฉีด กล้ามมัดใหญ่ ได้แก่ แขน ไหล น่อง จะมีปริมาณเส้นใยกล้ามเนื้อมากมาย เพราะฉะนั้นกล้ามเนื้อจึงกลับมาใช้งานได้เร็ว ช่วงเวลาที่โบท็อกซ์ออกฤทธิ์จึงสั้นกว่า กล้ามมัดเล็ก ตัวอย่างเช่น กราม หน้าผาก หางตา ดังนี้ขึ้นกับปริมาณโบท็อกซ์ที่ใช้ ซึ่งจำเป็นต้องอยู่สำหรับในการประเมินโดยหมอที่มีประสบการณ์นอกจากนี้โบท็อกยังช่วยลดเหงื่อ ลดขนาดกล้ามเนื้อแขน กล้ามน่องได้ ดังนี้ เพื่อโบท็อกลอยละล่องต่ำที่สุด อาจคุณภาพเยี่ยมที่สุด รวมทั้งให้ผลลัพธ์การดูแลและรักษาอยู่ได้นานกว่าปกติ ก่อนฉีดโบท็อกควรจะเตรียมความพร้อม ดังนี้<br /><br />เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานรวมทั้งใช้โบท็อกแท้ : ก่อนฉีดโบท็อก คนเจ็บควรศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับสถานพยาบาลที่อยากได้ฉีดอย่างรอบคอบ ว่ามีการเปิดให้บริการอย่างแม่นยำ ได้มาตรฐาน ใช้โบท็อกแท้ สามารถสำรวจกับบริษัทนำเข้าได้ เนื่องจากโบท็อกแท้มีความบริสุทธิ์สูง กระจายตัวต่ำ ฉีดจุดไหนได้ผลลัพธ์ที่จุดนั้น ไม่มีโอกาสเสี่ยงต่อการดื้อโบท็อกสำหรับเพื่อการฉีดครั้งต่อมาการแสดงผลของโบท็อกนั้นสุดแล้วแต่ร่างกายของแต่ละคนและยังอยู่ที่มีการฉีดสารตัวนี้เข้ารอบๆไหนของร่างกาย โดยที่หลังจากฉีดเข้าไปในร่างกายแล้วบริเวณที่ฉีดเข้าไปจะมีความรู้สึกตึงรวมทั้งค่อยๆได้ผล ส่วนใหญ่จะเริ่มออกฤทธิ์ 2-3 วันแล้วก็จะมีผลสูงสุดในระยะเวลา 2 สัปดาห์ ยกเว้นบางรอบๆดังเช่นว่า ฟันกราม ที่จะใช้เวลานานกว่าส่วนอื่นๆเป็นราว 1-2 เดือนถึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงแจ่มกระจ่างที่สุด<br /><br />หรือ เป็นสารธรรมชาติสารพัดประโยชน์สำหรับแต่งหน้า ซึ่งปัจจุบันก็มีนำเข้าทั้งยังจากเกาหลี,อังกฤษ,เยอรมันรวมทั้งอเมริกา มีคุณสมบัติที่สะดุดตาสำหรับในการช่วยลดการยุบตัวของกล้ามเนื้อ ช่วยลดเลือนริ้วรอย เพื่อมองอ่อนเยาว์ขึ้น ช่วยเปิดดวงตาให้โตสดใสรวมทั้งยกขนคิ้วแก้ปัญหาคิ้วตก หน้าผาก หางตา ใต้ตา บริเวณที่นิยมฉีดโบท๊อกซ์ ได้แก่ หน้าผาก,หว่างขนคิ้ว,หางตาหรือตีนกา,ปีกจมูก,ใต้ตาแก้ม, ด้านล่างของปากรวมถึงส่วนของลำคอ ยิ่งกว่านั้นยัง ลดกรามปรับรูปหน้าเรียว V-Shape,ช่วยยกกระชับหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียว (Nefertiti's Lift) ,รอบๆจั๊กกะแร้เพื่อลดหลักการทำงานของต่อม<br /><br />การฉีดสารที่มีชื่อว่า โบทูลินั่ม ท็อกสิน เอ (Botulinum toxin type A) ซึ่งเป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) โดยฉีดเข้าที่กล้ามรอบๆฟันกราม มีผลทำให้มัดกล้ามปฏิบัติงานลดน้อยลงชั่วครั้งคราว แล้วก็ทำให้ขนาดกล้ามเนื้อเล็กทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น โดยจะได้ผลที่ดีมากในเคสผู้ป่วยมีกล้าม [https://ralston-levesque.technetbloggers.de/chiidobth-k-singthiikhwrruuk-nchiidobth-kldkraammii-aairbaang-kaarantii-1694447044 หลัง ฉีดโบท็อก] รอบๆฟันกรามเยอะๆแล้วก็สามารถอยู่ได้นาน 5-6 เดือน ต่อการฉีด 1 ครั้งช่วยลดริ้วรอย โดยฉีดบริเวณริ้วรอยบนใบหน้า ทำให้กล้ามขยับได้ลดลง ริ้วรอยบนใบหน้าแล้วก็ค่อยๆลดลง ช่วยทำให้ปรับรูปหน้า ฉีดตรงแนวขากรรไกร ฟันกราม เพื่อปรับบริเวณใบหน้าให้เล็กรวมทั้งเรียวขึ้น ช่วยฟื้นฟูผิว โดยจะฉีดไปที่กล้ามรวมทั้งต่อมไขมัน เมื่อฉีดเข้าไปรูขุมขนจะหดเล็กลง ต่อมไขมันลดขนาด ส่งผลให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ฉีดโบท็อกซ์อยู่ได้นานแค่ไหน ? การฉีดโบท็อกซ์นั้น “ผลสรุปของการฉีดโบท็อกซ์นั้นไม่ได้อยู่ถาวร” โดยทั่วไปแล้วโบท็อกซ์จะออกฤทธิ์ได้นาน 4-8 เดือน โดยอายุการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์นั้น<br /><br />ขึ้นกับ 2 ปัจจัยสำคัญ ดังต่อไปนี้ ยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ฉีด หากเลือกฉีดโบหน้าเรียวที่มีความบริสุทธิ์สูง จะอยู่ในร่างกายได้เป็นเวลานานกว่า ตำแหน่งที่ฉีด กล้ามเนื้อผูกใหญ่ เป็นต้นว่า แขน ไหล น่อง จะมีปริมาณเส้นใยกล้ามเนื้อมากมาย ด้วยเหตุผลดังกล่าวกล้ามจึงกลับมาใช้งานได้เร็ว ช่วงเวลาที่โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ก็เลยสั้นกว่า ซึ่งในส่วนของการฉีดโบหน้าเรียวนั้น เป็นการฉีดกล้ามเนื้อรอบๆกราม ซึ่งเป็นกล้ามมัดเล็ก ก็จะอยู่ได้ราว 6 เดือน แต่ว่าก็ขึ้นกับการดูแลตนเองด้วยค่ะการฉีดโบลดฟันกราม หรือการ ฉีดหน้าเรียว (Botox for Masseter Reduction / V-line Procedure / Masseter Hypertrophy) เป็นการนำหัตถการการฉีดโบท็อกซ์มาใช้เพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อรอบๆฟันกราม เพื่อให้มีรูปหน้าที่เรียวเล็กมากยิ่งกว่าเดิม รวมถึงทำให้กรอบหน้าแล้วก็สันฟันกรามชัดขึ้นด้วย<br /><br />ก่อนจะทราบวิธีการลดฟันกราม ควรรู้จักกับโบท็อกซ์ก่อน การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) คือหัตถการอย่างหนึ่ง ที่จะใช้สารที่ชื่อว่า โบทูลินั่ม ท็อกสิน เอ (Botulinum toxin A) จากแบคทีเรียประเภท Anaerobic ชื่อ คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum) ฉีดเข้าไปที่รอบๆผิวหนังแล้วก็กล้ามเนื้อ สารจำพวกนี้จะไปออกฤทธิ์กับระบบประสาทในบริเวณที่ฉีด โบท็อกซ์จะไปรบกวนการตอบสนองของกล้ามต่อสารเคมีที่ส่งมาจากระบบประสาท (Neuromodulator) ทำให้ระบบประสาทไม่อาจจะสั่งงานกล้ามเนื้อให้ทำงานได้ป็นชื่อทางด้านการค้าของสารโบทูลินัม ท็อกสิน ไทป์เอ (Botulinum Toxin Type A) ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สกัดได้จากแบคทีเรียครอสตรเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ที่ถูกศึกษาค้นพบโดยหมอคนประเทศอเมริกาว่าสารตัวนี้สามารถออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) เมื่อฉีดเข้าผิวในจำนวนที่พอดี<br /><br />จะนำมาซึ่งการทำให้มัดกล้ามเนื้อในรอบๆที่ฉีดเป็นอัมพาต ช่วยยั้งไม่ให้กล้ามหดหรือเกร็งตัวเป็นเวลาชั่วครั้งคราว เมื่อกล้ามเริ่มคลายตัวรวมทั้งทำงานได้ลดน้อยลง ปัญหาริ้วรอยที่มีอยู่ก็จะดูดีขึ้น ช่วยลดโอกาสการเกิดริ้วรอยใหม่ๆหลังฉีดโบท็อกซ์ผิวก็จะยิ่งดูสวยกระชับ และก็อ่อนเยาว์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจ้ะ าอยากนวดหน้า อบไอน้ำ ซาวน์น่า โยคะร้อน หรือมีกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ที่จำเป็นต้องพบกับความร้อน ควรทำให้เสร็จก่อนวันที่นัดฉีดโบท็อกซ์ เพราะว่า 2-4 สัปดาห์หลังฉีด จะไม่อาจจะทำกิจกรรมเหล่านี้ได้ เพราะเหตุว่าความร้อนนำมาซึ่งการทำให้โบท็อกซ์สลายหรือเสื่อมฤทธิ์เร็วกว่าธรรมดา งดการใช้ยาและวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก จัดเตรียมงดยาบางจำพวกแล้วก็วิตามินบางอย่างเป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนฉีด เพื่อลดอาการเขียวบอบช้ำ ตัวอย่างเช่น<br /><br />ยาพารากลุ่ม NSAIDs ยกตัวอย่างเช่น brufen, ponstan, naproxen, arcoxia, celebrex แล้วก็อื่นๆ<br /><br />วิตามินอี, น้ำมันปลา (fish oil), ใบแปะก๊วย ถ้าเกิดมียาอื่นๆที่จำเป็นต้องกินเสมอๆ แพทย์แนะนำให้ขอความเห็นแพทย์ก่อนว่ายาที่รับประทานอยู่จำต้องหยุดไหม ทั้งนี้ ห้ามหยุดยาเอง เพราะอาจเกิดอันตรายจากการขาดยา รวมทั้งยาส่วนใหญ่ ดังเช่นว่า ยาลดระดับความดัน ยาโรคเบาหวาน ยาลดไขมัน ยาแก้แพ้ ยารักษาสิว ยาจิตเวชศาสตร์ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหยุด หลังฉีดโดยทันที ควรจะขยับกล้ามรอบๆที่ฉีด เพื่อกระจายตัวยาให้ออกฤทธิ์สุดกำลัง ข้างหลังฉีดงดนอนราบ เป็นเวลาโดยประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง เพื่อคุ้มครองการไหลของโบ งดประคบร้อน ทำทรีตเมนต์ที่ใช้ความร้อน หรืออยู่ใกล้บริเวณที่ร้อนมาก เป็นเวลา 1 - 2 สัปดาห์ หลบหลีกกิจกรรมที่ทำให้มีการเกิดความร้อนในชั้นผิว ดังเช่น บริหารร่างกายอย่างมาก เดินที่โล่งแจ้งที่แดดร้อนอบอ้าว เป็นต้น<br /><br />กรณีฉีดบริเวณกราม ข้างหลังฉีดทันทีให้บดหมากฝรั่ง 2 ข้างเท่าๆกัน โดยสลับซ้ายขวาตรงเวลา 30 นาที – 1 ชั่วโมง เพื่อตัวยากระจายเข้ากล้ามที่ฉีดได้ดิบได้ดียิ่งขึ้น หลังฉีดราว 4 ชั่วโมง สามารถเสริมสวยได้ตามธรรมดา ถ้ามีรอยนูนแดงที่ผิว จะหายไปเองภายในระยะเวลา 1 – 2 ชั่วโมงหลังฉีดกลไกการออกฤทธิ์ของโบท็อกจะช่วยยั้บยั้งหลักการทำงานของสารสื่อประสาทและก็ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นหยุดทำงานชั่วครั้งชั่วคราว จะช่วยลดริ้วรอยที่เกิดขึ้นมาจากการแสดงสีหน้ารวมทั้งรอยพับบริเวณต่างๆได้ดีขอรับ ฉีดโบท็อกกี่วันได้ผล ? ถ้าเกิดเป็นโบท็อกลดริ้วรอย จะเริ่มได้ผลใน 3-7 วัน เห็นผลสุดกำลังใน 14 วัน ส่วนโบท็อกปรับรูปหน้า จะเริ่มเห็นผลใน 1 เดือน ได้ผลเต็มกำลัง 2-3 เดือนนะครับ<br /><br />อ่านบทความเพิ่ม ฉีดโบท็อก อันตรายไหม มีข้อดี ข้อตำหนิอย่างไร ? เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์มีประสบการณ์ ก่อนฉีดโบท็อก ควรเลือกสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ วิเคราะห์ได้ว่าผ่านมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข และเข้าไปปรึกษากับหมอที่มีประสบการณ์โดยตรงนะครับ หมอจะช่วยประเมินบริเวณใบหน้า รวมทั้งแนะนำโบท็อกที่เหมาะกับแต่ละเคสได้ก่อนที่จะทราบขั้นตอนการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก มีวิธีการดูแล หรือข้อที่ไม่อนุญาตข้างหลังฉีดโบท็อกอย่างไรบ้าง หมอขออธิบายถึงกลไกการออกฤทธิ์ของโบท็อก เพื่อรู้เรื่องแนวทางปฏิบัติตนก่อนฉีด-ข้างหลังฉีดโบท็อก ว่าทำเพื่ออะไร คนไข้จะเข้าจิตใจและก็จำได้ง่ายขึ้นขอรับ<br /><br />แบรนด์ของโบท็อกที่ฉีด ถ้าเกิดเลือกโบท็อกที่มีความบริสุทธิ์สูง จะอยู่ภายในร่างกายได้ยาวนานกว่า เพราะว่าร่างกายจะทำลายโปรตีนด้ามจับกับโบท็อก โดยโบท็อกที่มีโปรตีนมากยิ่งกว่าจะถูกทำลายได้ง่ายยิ่งกว่าโบท็อกที่มีโปรตีนสูง ตำแหน่งที่ฉีด กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ได้แก่ แขน ไหล น่อง จะมีปริมาณเส้นใยกล้ามมากมาย ด้วยเหตุนี้กล้ามก็เลยกลับมาใช้งานได้เร็ว ช่วงเวลาที่โบท็อกออกฤทธิ์ก็เลยสั้นกว่า กล้ามมัดเล็ก ตัวอย่างเช่น กราม หน้าผาก หางตา ทั้งนี้ขึ้นกับจำนวนโบท็อกที่ใช้ ซึ่งต้องอยู่สำหรับเพื่อการประเมินโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ คนจำนวนไม่น้อยจะมีความไม่ค่อยสบายใจว่าเมื่อโบท็อกสิ้นฤทธิ์จะมีผลให้กล้ามกลับมาใหญ่มากยิ่งกว่าเดิมหรือเปล่า ซึ่งไม่เป็นความจริง เนื่องจากว่าโบท็อกทำให้กล้ามเนื้อมัดที่ฉีดไปทำงานลดลง ขนาดกล้ามเนื้อก็เลยเล็กลง พอหมดฤทธิ์กล้ามก็จะกลับมาทำงานมากขึ้น ขนาดกล้ามเนื้อจะค่อยๆมากขึ้น ซึ่งขึ้นกับการใช้งาน แม้ใช้งานมากก็ได้โอกาสสูงที่มัดกล้ามจะมีขนาดกลับมาเท่าเดิม<br /><br />

Версия 18:51, 11 сентября 2023

ตรวจเช็กสุขภาพรวมทั้งโรคประจำตัว เรื่องราวการแพ้ยา จะต้องตรวจร่างกายก่อนเข้ารับการศัลยกรรมเพื่อประเมินความพร้อมเพรียง ความเสี่ยงโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีประวัติการรักษา ดังเช่นว่า โรคประจำตัว เรื่องราวแพ้ยา ร่วมถึงเวลาการมีระดูด้วย Click! อ่านต่อเรื่อง “มีโรคประจำตัวศัลยกรรมได้ไหม”งดรับประทานยาแก้ปวด แก้อักเสบก่อนเข้ารับการผ่าตัด งดรั ฉีด โบ ท็ อก ุ๊ปแอสไพริน ( Aspirin ) และไอบูโพรเฟน ( Ibuprofen ) เพราะว่ากลุ่มยาจำพวกนี้จะช่วยทำให้กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด เพราะฉะนั้นแม้กินก่อนจะเข้ารับการผ่าตัดอาจทำให้เกิดอาการเลือดแข็งช้าและก็บางทีอาจเป็นอันตรายได้ การศัลยกรรมอกเป็นหนึ่งในความฝันที่ผู้หญิงหลายๆคนอยากทดลองทำซักครั้งในชีวิต เพื่อสร้างเสริมความเชื่อมั่นและมั่นใจและความสวยสดงดงามให้กับรูปร่างของตัวเอง แต่หลายๆคนก็ยังลังเลถึงผลที่จะตามมา ยังไม่แน่ใจว่าจะปฏิบัติดีไหม ส่งผลข้างเคียงหรือเปล่า รวมทั้งต้องดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง? แล้วก็นี่คือ 10 สิ่งสำคัญที่ควรจะทราบและก็ทำความเข้าใจ…ก่อนที่จะตัดสินใจทำศัลยกรรมเสริมอก

ข้อควรจะรู้ก่อนทำศัลยกรรมอก หรือเสริมทรวงอก ข้อ 1 จำต้องถามตัวเองก่อนว่า ‘ปรารถนาอะไร?’ ก่อนที่จะตัดสินใจทำสาวๆควรถามตัวเองก่อนว่า ‘ตนเองอยากอะไร?’ หรือ ‘ปัญหาของเรา ฉีดโบท็อก ที่ไหนดี เป็นอย่างไร?’ จึงจะได้คำตอบว่าเพราะอะไรถึงต้องทำศัลยกรรมเสริมอก ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว ปัญหาของคนที่ตกลงใจศัลยกรรมอกมักจะมี 2 ข้อ คือหากแพ้ยา หรือ มีโรคประจำตัว โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนนัดหมายผ่าตัด ถ้ามีโรคประจำตัวควรที่จะต้องปรึกษาแพทย์ประจำตัว หรืออายุรเวชก่อนที่จะนัดผ่าตัด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยสำหรับการผ่าตัดของคนไข้เอง

ในกรณีที่เป็นโรคภูมิแพ้ อีกทั้งทางจมูก ทางตาแล้วก็ทางผิวหนัง ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนนัดหมายผ่าตัด ในกรณีที่มีประวัติเป็นโรคเริมรวมทั้งงูสวัดรอบๆร่างกายมาก่อน โปรดแจ้งให้หมอรู้ก่อนนัดหมายผ่าตัด ต้องแจ้งให้หมอรู้เกี่ยวกับประวัติการแต่งหน้า เช่น สารคลายกล้าม , ฟิลเลอร์ , ร้อยไหม , Meso Fat , ซิลิโคน , สารอควาลิฟ (Aqua Lift) , สารไบโอพลาสติก (Bioplastic) โดยยิ่งไปกว่านั้นที่เคยฉีดกับหมอกระเป๋า และศัลยกรรมความงดงามบนใบหน้าที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ ดังนี้เพื่อช่วยสำหรับการกำหนดแผนการผ่าตัดของแพทย์อย่างถูกต้องแม่นยำ ผลการผ่าตัดดีแล้วก็เป็นที่น่าพอใจ ตลอดจนความปลอดภัยของคนป่วยเองทั้งยังในระหว่างการผ่าตัด และก็ข้างหลังการผ่าตัด หลบหลีกการผ่าตัดใหญ่ ในขณะมีประจำเดือน งดเว้นดูดบุหรี่ เป็นเวลา 2 เดือนก่อนและหลังผ่าตัด

งดแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง งดเว้นดื่มกาแฟ (กรณีผู้ที่ทานในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น) ตรงเวลา 1 อาทิตย์ งดเว้นวิตามิน หรือ ยาที่มีผลต่อลักษณะการทำงานของเกล็ดเลือดแล้วก็การแข็งตัวของเลือด เพราะเหตุว่าจะทำให้เลือดหยุดไหลยากในขณะผ่าตัดและก็ข้างหลังผ่าตัด แผลบวมช้ำมากจนเกินไปหลังการผ่าตัด แผลก็จะหายยากด้วย อาทิเช่น Fish oil , Vitamin C E , Green Tea ,Grape Seed (สารสกัดเม็ดองุ่น) สารสกัดแปะก๊วย (Gingko) , กระเทียม เป็นต้น อย่างน้อย 1 อาทิตย์ ก่อนและข้างหลังการผ่าตัด หรือ โบทูไลนุ่มท็อกสิน เป็นสารประเภทโปรตีนประเภทหนึ่ง ซึ่งมีฤทธิ์สำหรับการยับยั้งสัญญาณประสาทที่จะมากระตุ้นกล้ามเนื้อให้หดตัว ผลก็เลยทำให้กล้ามตึงเยอะขึ้น ขยับลดน้อยลงขอรับ

ความเป็นจริง สารนี้มีชื่อว่า โบทูไลนุ่มท็อกซิน ขอรับ แม้กระนั้นชื่อ โบท็อก ที่พวกเราเรียกกันติดปากนั้น เป็นชื่อทางด้านการค้าของ ผลิตภัณฑ์ตัวโบทูไลนุ่มท็อกสิน ที่สร้างจากบริษัทที่เป็นคนคิดค้นและถือลิขสิทธิ์ บริษัทแรกของโลกนะครับ ซึ่งชื่อ โบท็อก ทั้งยังสั้นแล้วก็เรียกง่าย ก็เลยชินปากทั้งยังแพทย์และผู้เจ็บป่วยส่วนมากมาจนถึงปัจจุบันนั่นเองครับ สาร โบทูไลนุ่มท็อกสิน หรือ โบท็อก เป็นสารที่ผลิตโดยแบคทีเรียประเภทหนึ่ง ที่ชื่อว่า คลอสทริเดียม โบทูไลนุ่ม Clostridium botulinum ซึ่งบางทีอาจจัดได้ว่าเป็น “พิษ” (ท็อกซิน toxin) (เพราะว่าในจำนวนที่มากๆมันจะมีฤทธิ์บล๊อคกล้ามผูกต่างๆของร่างกายพวกเรา) แต่ว่าแม้จะจัดเป็นพิษ แม้กระนั้นแม้ประยุกต์ใช้ในขนาดที่น้อยๆเหมาะสมเพียงพอสม ก็สามารถนำเอามาเป็นประโยชน์ทางด้านการแพทย์ ให้คุณได้อย่างมากมายอย่างยิ่งจริงๆครับโบท็อกกราม หรือ การฉีดโบลดกราม (Masseter Botox)

การฉีดสาร Botulinum Toxin Type A หรือที่เรียกสั้นๆว่าโบท็อก (Botox) เข้าไปยับยั้งหลักการทำงานของกล้ามบริเวณกรามชั่วคราว เมื่อกล้ามมิได้ถูกใช้งานหนักๆหรือเสมอๆก็จะส่งผลให้กล้ามเนื้อกรามมีขนาดที่เล็กลง ถ้าแพทย์มีแนวทางเฉพาะสำหรับเพื่อการฉีดโบท็อกกรามยังสามารถปรับรูปหน้า V-shape ทำให้หน้าดูเรียวขึ้นได้อีกด้วย ซึ่งเรียกวิธีนี้ว่า การฉีดโบลิฟกรอบหน้า ยิ่งไปกว่านั้นการฉีดโบยังช่วยทำให้กล้ามที่หดเกร็งเกิดการคลายตัว ริ้วรอยก็เลยแลดูจางลงและตื้นขึ้น ส่งผลให้ผิวเรียบเนียนตามหลังฉีดโบหน้าเรียวควรงดนอนราบตรงเวลาราวๆ 4 ชั่วโมง เพื่อคุ้มครองป้องกันการไหลของโบท็อกซ์ งดการนวดจับเส้นรอบๆที่ฉีดโบหน้าเรียว ตรงเวลา 1 เดือน หลบหลีกไม่ให้รอบๆที่ฉีดโบหน้าเรียวโดนความร้อนเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์

เลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้บริเวณใบหน้าเกิดอาการ fushing ยกตัวอย่างเช่น ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์, บริหารร่างกายอย่างหนัก, อบซาวน่า, แช่น้ำอุ่น เพราะเหตุว่าความร้อนจะเสื่อมสภาพยาให้หมดสภาพเร็วขึ้น ข้างหลังฉีดโบหน้าเรียว หรือข้างหลังการฉีดโบท็อกซ์รอบๆฟันกราม ให้เคี้ยวหมากฝรั่ง 2 ข้างเท่าๆกัน โดยการสลับซ้ายขวา ตรงเวลา 30 นาที – 1 ชั่วโมง เพื่อให้ตัวยากระจายเข้ากล้าม ฉีดโบท็อก หน้าเรียว รอบๆที่ฉีดได้ดียิ่งขึ้น งดกระบวนการทำทรีทเม้นท์ด้วยเครื่อง RF หรือเลเซอร์ 2 อาทิตย์ แต่ว่าสามารถทาครีมได้ตามปกติซึ่งตำแหน่งสำหรับเพื่อการเกาะในแต่ละคนหรือบางคราวคนเดียวกันสองข้างก็เกาะแตกต่างกัน ดูจากบางบุคคลยิ้มแล้วมุมปากไม่เท่ากันตอนแรกก็มี มันก็เบาๆเป็นผลมาจากกล้ามที่ชื่อไลโซเลียสนี่แหละ ซึ่งหากหมอที่มีประสบการณ์ จะบากบั่นเลี่ยงกล้ามไลโซเลียส ให้คนไข้อยู่แล้ว

โดยการฉีดโบท็อกไม่ให้ตรงกับตำแหน่งที่เป็นกล้ามเนื้อไลโซเลียส แม้กระนั้นก็จะมีคนไข้บางบุคคลที่มีการเกาะตำแหน่งของกล้ามไลโซเลียสผิดปกติไปจากคนอื่นทั่วๆไป แล้วกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการปากเบี้ยวขึ้นมาได้จากการฉีดโบท็อก ซึ่งก็ไม่ใช่ผลถาวร พอเพียงผ่านระยะไป 1-2 เดือน ก็จะหายไปเอง แล้วถ้าแพทย์ที่เคยเจอคนไข้เคสแบบนี้ ก็จะลงบันทึกประวัติไว้ให้คนป่วยว่ามีกล้ามเนื้อไลโซเลียสเกาะแตกต่างจากปกติโดยการฉีดโบท็อกครั้งต่อๆเป็นชื่อทางด้านการค้าของสารสกัดที่เรียกว่า โบทูลินัมท็อกซินเอ (Botulinum toxin A) จากแบคทีเรียคลอสตริเดียมโบทูลินัม (Clostridium botulinum) ผู้คนจำนวนมากเรียกกันจนติดปากว่า โบทอก แต่ว่าหารู้ไม่ว่า กำลังเรียกชื่อแบรนด์สารตัวนี้จนชิน แต่ไม่ใช่ชื่อที่แท้จริงของเจ้าโบตัวนี้

โบทอกออกฤทธิ์เช่นไร? สารตัวนี้นี้ มีความเป็นพิษอ่อนๆต่อระบบประสาท (Neurotoxin) ถ้าเกิดได้มาโดยการกินจะมีผลให้กำเนิดอาการของกินเป็นพิษหรือกำเนิดอาการกล้ามเนื้อเหน็ดเหนื่อย แต่ว่าหากได้โดยการฉีดเฉพาะจุดในจำนวนพอดี จะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว ซึ่งในวงการแพทย์ มีการประยุกต์ใช้สำหรับในการรักษาโรคตาเหล่ ตาเหล่ นอกจากนั้นยังเกิดผลดีในวงการเสริมความสวย ทำให้หน้าเรียวงาม หากฉีดรอบๆใต้ตา หางตา หน้าผาก จะมีผลให้ริ้วรอยเลือนหาย ย้อนวัยกันเลยทีเดียวนั่ม

ท็อกสิน เอ (ฺBotulinum Toxin A) หรือที่รู้จักคุ้นเคยกันจนเคยชินหูว่า “โบท็อกซ์ (Botox)” นั้น เป็นตัวยาที่ส่งผลให้เกิดการอัมพาตของกล้ามชั่วประเดี๋ยว ซึ่งถูกทำขึ้นจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Bacterium Clostridium Botulinum) แม้ได้รับในจำนวนมากอาจจะอันตรายถึงชีวิตได้ ดังเช่นว่า ในกรณีข้างหลังได้รับโบท็อกซ์ที่ปนเปื้อนมาในของกินที่รับประทานไม่น้อยเลยทีเดียว บางทีอาจจะทำกล้ามเนื้อกะบังลมหยุดปฏิบัติงาน หายใจไม่ออกได้ผิวหน้าของคนเราเปรียบได้กับผ้าที่มีไว้เพื่อเช็ดหน้าตึงๆหนึ่งผืน ซึ่งความตึงนี้มาจากคอลลาเจนรวมทั้งอีลาสตินที่อยู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งจะปฏิบัติภารกิจคอยขึงให้ผิวหนังของเราเต่งตึงและก็มีความยืดหยุ่นตลอดเวลา

แต่เมื่อแก่ขึ้นเรื่อยๆรวมถึงการพบเจอกับแสงอาทิตย์รวมทั้งความเครียดที่สะสมไปตามวัย จะก่อให้คอลลาเจนและอีลาสตินเริ่มต่ำลง ทำให้ในขณะที่เรายิ้ม ขมวดคิ้ว หรือเลิกหน้าผาก รอยย่นต่างๆก็จะเริ่มผุดขึ้นมา นั่นเป็นเนื่องจากว่าสมองของเราสั่งการให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าหดตัวเพื่อแสดงออกทางอารมณ์ กระทั่งทำให้ผิวหนังเข้าใกล้กันมากขึ้น เปรียบได้ดั่งการขยุ้มผ้าที่มีไว้เพื่อเช็ดหน้า จากที่ตึงๆอยู่มันก็จะเบาๆขยับเข้ามารวมเป็นกระจุก จนกระทั่งกำเนิดเป็นรอยย่นที่เห็นชัดเยอะขึ้นนั่นเองการฉีดโบท็อกซ์กรามนั้นเป็นการฉีด Botox เพื่อปรับรูปหน้า โดยใช้ตัวยาในโบท็อกซ์ที่ชื่อว่า Botulinum Toxin A ที่สกัดมาจากแบคทีเรียเพื่อออกฤทธิ์ไม่ให้กล้ามบริเวณฟันกรามขยับได้ จนถึงนำมาซึ่งการทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง ด้วยเหตุผลดังกล่าว

การฉีดโบท็อกซ์ลดกราม จึงช่วยให้คนที่มีลักษณะบริเวณใบหน้ากรามเด่นชัดมองสมส่วนขึ้น เพราะเหตุว่ารูปหน้าเล็กลงอย่างชัดเจน และที่สำคัญ กระบวนการทำโบท็อกซ์ฟันกรามยังสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอย แล้วก็รอยย่นในบริเวณใกล้เคียงได้อีกด้วย ในความเป็นจริงแล้วคำว่า โบท็อก (BOTOX) ที่พวกเรารู้จักรวมทั้งเรียกกันกระทั่งชินปากนี้ มาจากชื่อทางด้านการค้า ของของบริษัทขายยา Allergan ที่เป็นผู้จำหน่าย ผลิตแล้วก็พัฒนาเวชภัณฑ์รายใหญ่ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นแบรนด์แรกและเป็นที่รู้จักทั้งโลก ทำให้สินค้าที่ฉีดเพื่อช่วยลดเรือนริ้วรอย ไม่ว่าแบรนด์อะไรมาจากประเทศไหน ก็จะถูกเรียกว่าโบท็อกทั้งสิ้นนั่นเอง

โบท็อก (BOTOX) หรือ โบทูลินั่ม ท็อกสิน เอ (Botulinum toxin type A) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่สกัดจากแบคทีเรียที่มีคุณประโยชน์อย่าง คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ซึ่งในทีแรกๆสารนี้ทางแวดวงแพทย์เอาไว้ใช้เพื่อรักษาโรค ตาเหล่ กล้ามเนื้อตากระตุก รวมทั้งอาการปวดหัวไมเกรน เพราะเหตุว่า มีฤทธิ์ช่วยทำให้กล้ามเนื้อคลายในบริเวณที่หดตัว กล้ามเนื้ออ่อนเพลียลง และก็หดเล็กลงสุดท้าย จึงได้พัฒนามาใช้ในวงการเสริมความงดงาม อย่างการช่วยลดริ้วรอย ปรับรูปหน้ายี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ฉีด ถ้าหากเลือกโบท็อกซ์ที่มีความบริสุทธิ์สูง จะอยู่ในร่างกายได้เป็นเวลานานกว่า เนื่องจากว่าร่างกายจะทำลายโปรตีนด้ามจับกับโบท็อกซ์ โดยโบท็อกซ์ที่มีโปรตีนมากยิ่งกว่าจะถูกทำลายได้ง่ายยิ่งกว่าโบท็อกซ์ที่มีโปรตีนสูง





ตำแหน่งที่ฉีด กล้ามมัดใหญ่ ได้แก่ แขน ไหล น่อง จะมีปริมาณเส้นใยกล้ามเนื้อมากมาย เพราะฉะนั้นกล้ามเนื้อจึงกลับมาใช้งานได้เร็ว ช่วงเวลาที่โบท็อกซ์ออกฤทธิ์จึงสั้นกว่า กล้ามมัดเล็ก ตัวอย่างเช่น กราม หน้าผาก หางตา ดังนี้ขึ้นกับปริมาณโบท็อกซ์ที่ใช้ ซึ่งจำเป็นต้องอยู่สำหรับในการประเมินโดยหมอที่มีประสบการณ์นอกจากนี้โบท็อกยังช่วยลดเหงื่อ ลดขนาดกล้ามเนื้อแขน กล้ามน่องได้ ดังนี้ เพื่อโบท็อกลอยละล่องต่ำที่สุด อาจคุณภาพเยี่ยมที่สุด รวมทั้งให้ผลลัพธ์การดูแลและรักษาอยู่ได้นานกว่าปกติ ก่อนฉีดโบท็อกควรจะเตรียมความพร้อม ดังนี้

เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานรวมทั้งใช้โบท็อกแท้ : ก่อนฉีดโบท็อก คนเจ็บควรศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับสถานพยาบาลที่อยากได้ฉีดอย่างรอบคอบ ว่ามีการเปิดให้บริการอย่างแม่นยำ ได้มาตรฐาน ใช้โบท็อกแท้ สามารถสำรวจกับบริษัทนำเข้าได้ เนื่องจากโบท็อกแท้มีความบริสุทธิ์สูง กระจายตัวต่ำ ฉีดจุดไหนได้ผลลัพธ์ที่จุดนั้น ไม่มีโอกาสเสี่ยงต่อการดื้อโบท็อกสำหรับเพื่อการฉีดครั้งต่อมาการแสดงผลของโบท็อกนั้นสุดแล้วแต่ร่างกายของแต่ละคนและยังอยู่ที่มีการฉีดสารตัวนี้เข้ารอบๆไหนของร่างกาย โดยที่หลังจากฉีดเข้าไปในร่างกายแล้วบริเวณที่ฉีดเข้าไปจะมีความรู้สึกตึงรวมทั้งค่อยๆได้ผล ส่วนใหญ่จะเริ่มออกฤทธิ์ 2-3 วันแล้วก็จะมีผลสูงสุดในระยะเวลา 2 สัปดาห์ ยกเว้นบางรอบๆดังเช่นว่า ฟันกราม ที่จะใช้เวลานานกว่าส่วนอื่นๆเป็นราว 1-2 เดือนถึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงแจ่มกระจ่างที่สุด

หรือ เป็นสารธรรมชาติสารพัดประโยชน์สำหรับแต่งหน้า ซึ่งปัจจุบันก็มีนำเข้าทั้งยังจากเกาหลี,อังกฤษ,เยอรมันรวมทั้งอเมริกา มีคุณสมบัติที่สะดุดตาสำหรับในการช่วยลดการยุบตัวของกล้ามเนื้อ ช่วยลดเลือนริ้วรอย เพื่อมองอ่อนเยาว์ขึ้น ช่วยเปิดดวงตาให้โตสดใสรวมทั้งยกขนคิ้วแก้ปัญหาคิ้วตก หน้าผาก หางตา ใต้ตา บริเวณที่นิยมฉีดโบท๊อกซ์ ได้แก่ หน้าผาก,หว่างขนคิ้ว,หางตาหรือตีนกา,ปีกจมูก,ใต้ตาแก้ม, ด้านล่างของปากรวมถึงส่วนของลำคอ ยิ่งกว่านั้นยัง ลดกรามปรับรูปหน้าเรียว V-Shape,ช่วยยกกระชับหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียว (Nefertiti's Lift) ,รอบๆจั๊กกะแร้เพื่อลดหลักการทำงานของต่อม

การฉีดสารที่มีชื่อว่า โบทูลินั่ม ท็อกสิน เอ (Botulinum toxin type A) ซึ่งเป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) โดยฉีดเข้าที่กล้ามรอบๆฟันกราม มีผลทำให้มัดกล้ามปฏิบัติงานลดน้อยลงชั่วครั้งคราว แล้วก็ทำให้ขนาดกล้ามเนื้อเล็กทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น โดยจะได้ผลที่ดีมากในเคสผู้ป่วยมีกล้าม หลัง ฉีดโบท็อก รอบๆฟันกรามเยอะๆแล้วก็สามารถอยู่ได้นาน 5-6 เดือน ต่อการฉีด 1 ครั้งช่วยลดริ้วรอย โดยฉีดบริเวณริ้วรอยบนใบหน้า ทำให้กล้ามขยับได้ลดลง ริ้วรอยบนใบหน้าแล้วก็ค่อยๆลดลง ช่วยทำให้ปรับรูปหน้า ฉีดตรงแนวขากรรไกร ฟันกราม เพื่อปรับบริเวณใบหน้าให้เล็กรวมทั้งเรียวขึ้น ช่วยฟื้นฟูผิว โดยจะฉีดไปที่กล้ามรวมทั้งต่อมไขมัน เมื่อฉีดเข้าไปรูขุมขนจะหดเล็กลง ต่อมไขมันลดขนาด ส่งผลให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ฉีดโบท็อกซ์อยู่ได้นานแค่ไหน ? การฉีดโบท็อกซ์นั้น “ผลสรุปของการฉีดโบท็อกซ์นั้นไม่ได้อยู่ถาวร” โดยทั่วไปแล้วโบท็อกซ์จะออกฤทธิ์ได้นาน 4-8 เดือน โดยอายุการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์นั้น

ขึ้นกับ 2 ปัจจัยสำคัญ ดังต่อไปนี้ ยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ฉีด หากเลือกฉีดโบหน้าเรียวที่มีความบริสุทธิ์สูง จะอยู่ในร่างกายได้เป็นเวลานานกว่า ตำแหน่งที่ฉีด กล้ามเนื้อผูกใหญ่ เป็นต้นว่า แขน ไหล น่อง จะมีปริมาณเส้นใยกล้ามเนื้อมากมาย ด้วยเหตุผลดังกล่าวกล้ามจึงกลับมาใช้งานได้เร็ว ช่วงเวลาที่โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ก็เลยสั้นกว่า ซึ่งในส่วนของการฉีดโบหน้าเรียวนั้น เป็นการฉีดกล้ามเนื้อรอบๆกราม ซึ่งเป็นกล้ามมัดเล็ก ก็จะอยู่ได้ราว 6 เดือน แต่ว่าก็ขึ้นกับการดูแลตนเองด้วยค่ะการฉีดโบลดฟันกราม หรือการ ฉีดหน้าเรียว (Botox for Masseter Reduction / V-line Procedure / Masseter Hypertrophy) เป็นการนำหัตถการการฉีดโบท็อกซ์มาใช้เพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อรอบๆฟันกราม เพื่อให้มีรูปหน้าที่เรียวเล็กมากยิ่งกว่าเดิม รวมถึงทำให้กรอบหน้าแล้วก็สันฟันกรามชัดขึ้นด้วย

ก่อนจะทราบวิธีการลดฟันกราม ควรรู้จักกับโบท็อกซ์ก่อน การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) คือหัตถการอย่างหนึ่ง ที่จะใช้สารที่ชื่อว่า โบทูลินั่ม ท็อกสิน เอ (Botulinum toxin A) จากแบคทีเรียประเภท Anaerobic ชื่อ คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum) ฉีดเข้าไปที่รอบๆผิวหนังแล้วก็กล้ามเนื้อ สารจำพวกนี้จะไปออกฤทธิ์กับระบบประสาทในบริเวณที่ฉีด โบท็อกซ์จะไปรบกวนการตอบสนองของกล้ามต่อสารเคมีที่ส่งมาจากระบบประสาท (Neuromodulator) ทำให้ระบบประสาทไม่อาจจะสั่งงานกล้ามเนื้อให้ทำงานได้ป็นชื่อทางด้านการค้าของสารโบทูลินัม ท็อกสิน ไทป์เอ (Botulinum Toxin Type A) ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สกัดได้จากแบคทีเรียครอสตรเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ที่ถูกศึกษาค้นพบโดยหมอคนประเทศอเมริกาว่าสารตัวนี้สามารถออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) เมื่อฉีดเข้าผิวในจำนวนที่พอดี

จะนำมาซึ่งการทำให้มัดกล้ามเนื้อในรอบๆที่ฉีดเป็นอัมพาต ช่วยยั้งไม่ให้กล้ามหดหรือเกร็งตัวเป็นเวลาชั่วครั้งคราว เมื่อกล้ามเริ่มคลายตัวรวมทั้งทำงานได้ลดน้อยลง ปัญหาริ้วรอยที่มีอยู่ก็จะดูดีขึ้น ช่วยลดโอกาสการเกิดริ้วรอยใหม่ๆหลังฉีดโบท็อกซ์ผิวก็จะยิ่งดูสวยกระชับ และก็อ่อนเยาว์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจ้ะ าอยากนวดหน้า อบไอน้ำ ซาวน์น่า โยคะร้อน หรือมีกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ที่จำเป็นต้องพบกับความร้อน ควรทำให้เสร็จก่อนวันที่นัดฉีดโบท็อกซ์ เพราะว่า 2-4 สัปดาห์หลังฉีด จะไม่อาจจะทำกิจกรรมเหล่านี้ได้ เพราะเหตุว่าความร้อนนำมาซึ่งการทำให้โบท็อกซ์สลายหรือเสื่อมฤทธิ์เร็วกว่าธรรมดา งดการใช้ยาและวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก จัดเตรียมงดยาบางจำพวกแล้วก็วิตามินบางอย่างเป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนฉีด เพื่อลดอาการเขียวบอบช้ำ ตัวอย่างเช่น

ยาพารากลุ่ม NSAIDs ยกตัวอย่างเช่น brufen, ponstan, naproxen, arcoxia, celebrex แล้วก็อื่นๆ

วิตามินอี, น้ำมันปลา (fish oil), ใบแปะก๊วย ถ้าเกิดมียาอื่นๆที่จำเป็นต้องกินเสมอๆ แพทย์แนะนำให้ขอความเห็นแพทย์ก่อนว่ายาที่รับประทานอยู่จำต้องหยุดไหม ทั้งนี้ ห้ามหยุดยาเอง เพราะอาจเกิดอันตรายจากการขาดยา รวมทั้งยาส่วนใหญ่ ดังเช่นว่า ยาลดระดับความดัน ยาโรคเบาหวาน ยาลดไขมัน ยาแก้แพ้ ยารักษาสิว ยาจิตเวชศาสตร์ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหยุด หลังฉีดโดยทันที ควรจะขยับกล้ามรอบๆที่ฉีด เพื่อกระจายตัวยาให้ออกฤทธิ์สุดกำลัง ข้างหลังฉีดงดนอนราบ เป็นเวลาโดยประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง เพื่อคุ้มครองการไหลของโบ งดประคบร้อน ทำทรีตเมนต์ที่ใช้ความร้อน หรืออยู่ใกล้บริเวณที่ร้อนมาก เป็นเวลา 1 - 2 สัปดาห์ หลบหลีกกิจกรรมที่ทำให้มีการเกิดความร้อนในชั้นผิว ดังเช่น บริหารร่างกายอย่างมาก เดินที่โล่งแจ้งที่แดดร้อนอบอ้าว เป็นต้น

กรณีฉีดบริเวณกราม ข้างหลังฉีดทันทีให้บดหมากฝรั่ง 2 ข้างเท่าๆกัน โดยสลับซ้ายขวาตรงเวลา 30 นาที – 1 ชั่วโมง เพื่อตัวยากระจายเข้ากล้ามที่ฉีดได้ดิบได้ดียิ่งขึ้น หลังฉีดราว 4 ชั่วโมง สามารถเสริมสวยได้ตามธรรมดา ถ้ามีรอยนูนแดงที่ผิว จะหายไปเองภายในระยะเวลา 1 – 2 ชั่วโมงหลังฉีดกลไกการออกฤทธิ์ของโบท็อกจะช่วยยั้บยั้งหลักการทำงานของสารสื่อประสาทและก็ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นหยุดทำงานชั่วครั้งชั่วคราว จะช่วยลดริ้วรอยที่เกิดขึ้นมาจากการแสดงสีหน้ารวมทั้งรอยพับบริเวณต่างๆได้ดีขอรับ ฉีดโบท็อกกี่วันได้ผล ? ถ้าเกิดเป็นโบท็อกลดริ้วรอย จะเริ่มได้ผลใน 3-7 วัน เห็นผลสุดกำลังใน 14 วัน ส่วนโบท็อกปรับรูปหน้า จะเริ่มเห็นผลใน 1 เดือน ได้ผลเต็มกำลัง 2-3 เดือนนะครับ

อ่านบทความเพิ่ม ฉีดโบท็อก อันตรายไหม มีข้อดี ข้อตำหนิอย่างไร ? เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์มีประสบการณ์ ก่อนฉีดโบท็อก ควรเลือกสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ วิเคราะห์ได้ว่าผ่านมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข และเข้าไปปรึกษากับหมอที่มีประสบการณ์โดยตรงนะครับ หมอจะช่วยประเมินบริเวณใบหน้า รวมทั้งแนะนำโบท็อกที่เหมาะกับแต่ละเคสได้ก่อนที่จะทราบขั้นตอนการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก มีวิธีการดูแล หรือข้อที่ไม่อนุญาตข้างหลังฉีดโบท็อกอย่างไรบ้าง หมอขออธิบายถึงกลไกการออกฤทธิ์ของโบท็อก เพื่อรู้เรื่องแนวทางปฏิบัติตนก่อนฉีด-ข้างหลังฉีดโบท็อก ว่าทำเพื่ออะไร คนไข้จะเข้าจิตใจและก็จำได้ง่ายขึ้นขอรับ

แบรนด์ของโบท็อกที่ฉีด ถ้าเกิดเลือกโบท็อกที่มีความบริสุทธิ์สูง จะอยู่ภายในร่างกายได้ยาวนานกว่า เพราะว่าร่างกายจะทำลายโปรตีนด้ามจับกับโบท็อก โดยโบท็อกที่มีโปรตีนมากยิ่งกว่าจะถูกทำลายได้ง่ายยิ่งกว่าโบท็อกที่มีโปรตีนสูง ตำแหน่งที่ฉีด กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ได้แก่ แขน ไหล น่อง จะมีปริมาณเส้นใยกล้ามมากมาย ด้วยเหตุนี้กล้ามก็เลยกลับมาใช้งานได้เร็ว ช่วงเวลาที่โบท็อกออกฤทธิ์ก็เลยสั้นกว่า กล้ามมัดเล็ก ตัวอย่างเช่น กราม หน้าผาก หางตา ทั้งนี้ขึ้นกับจำนวนโบท็อกที่ใช้ ซึ่งต้องอยู่สำหรับเพื่อการประเมินโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ คนจำนวนไม่น้อยจะมีความไม่ค่อยสบายใจว่าเมื่อโบท็อกสิ้นฤทธิ์จะมีผลให้กล้ามกลับมาใหญ่มากยิ่งกว่าเดิมหรือเปล่า ซึ่งไม่เป็นความจริง เนื่องจากว่าโบท็อกทำให้กล้ามเนื้อมัดที่ฉีดไปทำงานลดลง ขนาดกล้ามเนื้อก็เลยเล็กลง พอหมดฤทธิ์กล้ามก็จะกลับมาทำงานมากขึ้น ขนาดกล้ามเนื้อจะค่อยๆมากขึ้น ซึ่งขึ้นกับการใช้งาน แม้ใช้งานมากก็ได้โอกาสสูงที่มัดกล้ามจะมีขนาดกลับมาเท่าเดิม