--t — различия между версиями

Материал из ТОГБУ Компьютерный Центр
Перейти к: навигация, поиск
м (--t)
м (--t)
Строка 1: Строка 1:
[https://ru.malendo.property/ https://ru.malendo.property/]
+
ปกติแล้วจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะลำไส้ มีจุลินทรีย์มากกว่า 1,000 ชนิด สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ กลุ่มจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค และกลุ่มจุลินทรีย์ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น ช่วยป้องกันการเกิดโรค ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ ระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่าย ซึ่งจุลินทรีย์บางชนิดยังเป็นสารสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น<br /><br />ซึ่งบทความในวันนี้ Glory จะมาบอกวิธีที่ช่วยปรับสมดุลลำไส้ ด้วย พรีไบโอติก ผสมไฟเบอร์ พร้อมทั้งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการลำไส้แปรปรวน จะเป็นอย่างไรไปดูกัน<br /><br />สาเหตุ และพฤติกรรมเสี่ยง ทำให้ระบบลำไส้แปรปรวน<br /><br />ลำไส้ นอกจากทำหน้าที่ในการดูดซึมสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ แล้ว ยังทำหน้าที่ในการกำจัดของเสีย หรือสารพิษในร่างกายอีกด้วย เพราะเมื่อเรามีระบบลำไส้ที่ดี สุขภาพก็จะดีตามไปด้วย แต่หากลำไส้เกิดการปนเปื้อนของสารพิษจนเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ร่างกายมีอาการอ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง ปวดไมเกรน เป็นภูมิแพ้ โรคอ้วน และอื่น ๆ อีกมากมาย<br /><br />ซึ่งการที่จุลินทรีย์ในลำไส้เสียสมดุล คือ สภาวะที่จุลินทรีย์ในระบบลำไส้ไม่สมดุล ทั้งในเรื่องของปริมาณ และองค์ประกอบที่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมที่ทำให้ลำไส้ขาดความสมดุล ดังนี้<br /><br />ความเครียด ทำให้ลำไส้ และจุลินทรีย์ในลำไส้เครียดไปด้วย<br /><br />การพักผ่อนไม่เพียงพอ<br /><br />การทานอาหารแปรรูปที่มีการเติมแต่งสารสังเคราะห์ต่าง ๆ<br /><br />การใช้ยาปฏิชีวนะ ตัวการทำลายจุลินทรีย์หลายตัว<br /><br />พฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความไม่สมดุลในลำไส้ ส่งผลกระทบต่อการย่อยอาหาร ทำให้มีอาการท้องอืด ท้องผูก หรือรู้สึกไม่สบายท้อง ซึ่งในกรณีที่ร้ายแรง คือ ลำไส้เกิดการอักเสบ และสามารถรุนแรงไปถึงขั้นทำลายเยื่อบุลำไส้ ส่งผลให้ลำไส้รั่ว<br /><br />จะรู้ได้อย่างไร ว่าจุลินทรีย์ในลำไส้เสียสมดุล ?<br /><br />อาการที่เกี่ยวข้องกับจุลินทรีย์ในลำไส้ที่เสียสมดุล อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุ และระดับของความเสียหาย ซึ่งอาการที่พบได้บ่อยเมื่อจุลินทรีย์เสียสมดุล มีดังนี้<br /><br />ระบบย่อยอาหาร<br /><br />การเสียสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการย่อยอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องผูก ท้องเสีย คลื่นไส้ หรือแน่นท้อง<br /><br />ปัญหาทางเดินอาหาร<br /><br />อาทิ กรดไหลย้อน โรคลำไส้แปรปรวน หรือโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง<br /><br />ระบบภูมิคุ้มกัน<br /><br />หากจุลินทรีย์ในลำไส้เสียสมดุล อาจส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดอาการแพ้ และเกิดการติดเชื้อได้ง่าย<br /><br />สภาวะอารมณ์และสมาธิ<br /><br />ความสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ส่งผลต่อสภาวะอารมณ์ และสมาธิ ซึ่งการเสียสมดุลอาจทำให้เกิดอาการซึมเศร้า วิตกกังวล หรือสมาธิสั้น<br /><br />อาการทางผิวหนัง<br /><br />สภาวะจุลินทรีย์ในลำไส้เสียสมดุล อาจส่งผลกระทบต่อผิวหนัง เกิดอาการผื่นแพ้ สิว หรือมีอาการแสบร้อนบริเวณผิวหนัง<br /><br />ปรับสมดุลลำไส้ ด้วยโพรไบโอติก พรีไบโอติก และการปรับพฤติกรรม<br /><br /> [https://dailyuploads.net/p43jg4pi4wfq กลอรี่] <br /><br />เนื่องจากสำไล้ของเรามีจุลินทรีย์จำนวนมาก ซึ่งจุลินทรีย์ของแต่ละคนไม่เท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นจำนวน ขนาด หรือสายพันธุ์ เป็นต้น โดยสารอาหารที่แนะนำ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อปรับสมดุลลำไส้ ทำได้ดังนี้<br /><br />การเพิ่มโพรไบโอติก พรีไบโอติกในรูปแบบอาหาร และอาหารเสริม<br /><br />การดูแลสุขภาพลำไส้ที่ดี และมีประสิทธิภาพมากที่สุด คือ การสร้างสมดุลจุลินทรีย์ดีในลำไส้ หรือที่เรียกว่าโพรไบโอติก ให้มีปริมาณที่เหมาะสมอยู่เสมอ โดยโพรไบโอติกมีทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่<br /><br />แลคโตบาซิลลัส เป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อระบบขับถ่าย สามารถพบได้ในนมเปรี้ยว และโยเกิร์ต<br /><br />บิฟิโดแบคทีเรียม เป็นจุลินทรีย์ประเภทโพรไบโอติกที่ดีที่สุด ช่วยป้องกันอาการลำไส้แปรปรวน<br /><br />แซคคาโรไมซิส เป็นจุลินทรีย์ประเภทโพรไบโอติก มีส่วนช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย และช่วยป้องกันปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร<br /><br />อย่างไรก็ตาม อาหารเสริมโพรไบโอติก และพรีไบโอติกที่แนะนำ คือ Glory BaoBaoCoCoa พรีไบโอติก ผสมคอลลาเจนไดเปปไทด์ และไฟเบอร์ โดยพรีไบโอติก เป็นอาหารของจุลินทรีย์ ทำหน้าที่เสริมสร้างจุลินทรีย์ดีในกระเพาะอาหาร และถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรียโพรไบโอติก ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโต และการทำงานของแบคทีเรีย ช่วยปรับสมดุลลำไส้ และช่วยย่อยอาหาร<br /><br />โพรไบโอติก เช่น Glory Probiotic Veggy Plus คือโพรไบโอติกที่เป็นจุลินทรีย์ดีในลำไส้ ผสมไฟเบอร์ในรูปแบบแคปซูล ซึ่งมีโพรไบโอติกตัวสำคัญ อย่าง Bacilus Coagulans ช่วยดีท็อกซ์ของเสีย ปรับสมดุลลำไส้ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยเสริมประสิทธิภาพให้ระบบย่อยอาหาร เหมาะเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ไม่ทานผัก และคนที่ต้องการปรับสมดุลทำไส้<br /><br /> [https://www.4shared.com/office/W6i2DwHAfa/_rtbwk.html ดีท็อกซ์] <br /><br />การพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ<br /><br />โดยสมาคมระหว่างประเทศ IASD ได้แนะนำให้นอนหลับประมาณ 6-8 ชั่วโมง เนื่องจากการพักผ่อนที่เพียงพอ ช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อน ช่วยลดความเครียด และช่วยให้สภาพแวดล้อมในลำไส้มีสุขภาพดีกว่าการนอนน้อย หรือนอนไม่เป็นเวลา<br /><br />ในส่วนของการออกกำลังกาย ควรทำเป็นประจำอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน และ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของลำไส้ ช่วยลดการเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นอันตราย และช่วยเพิ่มความหลากหลายของจุลินทรีย์<br /><br />การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร<br /><br />นอกจากการทานอาหารเสริมโพรไบโอติก และพรีไบโอติกแล้ว ยังควรลดการทารอาหารประเภทเนื้อสัตว์แปรรูป อาหารสำเร็จรูป และอาหารรสจัด รวมไปถึงอาหารไขมัน และคาร์โบไฮเดรตสูง<br /><br />สุดท้ายนี้การดูแลรักษาร่างกาย การเลือกทานอาหารที่มีพรีไบโอติก และโพรไบโอติก การพักผ่อนให้เพียงพอ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นวิธีการป้องกันลำไส้ไม่ให้เกิดความผิดปกติ หรือลำไส้แปรปรวน<br /><br />แต่ทั้งนี้เพื่อความสะดวก และง่ายต่อการใช้ชีวิตประจำวัน สามารถเลือกทานอาหารเสริมโพรไบโอติก Glory Probiotic Veggy Plus และ พรีไบโอติก BAOBAOCOCOA เพื่อช่วยเสริมสร้างระบบลำไส้ให้แข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ ทั้งยังช่วยดีท็อกซ์ของเสียที่ตกค้างในร่างกายได้เป็นอย่างดี หากสนใจสั่งซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์จาก Glory ในราคาพิเศษคลิก หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ที่ Line: @GloryofficialTH<br /><br />

Версия 14:55, 28 марта 2024

ปกติแล้วจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะลำไส้ มีจุลินทรีย์มากกว่า 1,000 ชนิด สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ กลุ่มจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค และกลุ่มจุลินทรีย์ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น ช่วยป้องกันการเกิดโรค ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ ระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่าย ซึ่งจุลินทรีย์บางชนิดยังเป็นสารสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น

ซึ่งบทความในวันนี้ Glory จะมาบอกวิธีที่ช่วยปรับสมดุลลำไส้ ด้วย พรีไบโอติก ผสมไฟเบอร์ พร้อมทั้งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการลำไส้แปรปรวน จะเป็นอย่างไรไปดูกัน

สาเหตุ และพฤติกรรมเสี่ยง ทำให้ระบบลำไส้แปรปรวน

ลำไส้ นอกจากทำหน้าที่ในการดูดซึมสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ แล้ว ยังทำหน้าที่ในการกำจัดของเสีย หรือสารพิษในร่างกายอีกด้วย เพราะเมื่อเรามีระบบลำไส้ที่ดี สุขภาพก็จะดีตามไปด้วย แต่หากลำไส้เกิดการปนเปื้อนของสารพิษจนเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ร่างกายมีอาการอ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง ปวดไมเกรน เป็นภูมิแพ้ โรคอ้วน และอื่น ๆ อีกมากมาย

ซึ่งการที่จุลินทรีย์ในลำไส้เสียสมดุล คือ สภาวะที่จุลินทรีย์ในระบบลำไส้ไม่สมดุล ทั้งในเรื่องของปริมาณ และองค์ประกอบที่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมที่ทำให้ลำไส้ขาดความสมดุล ดังนี้

ความเครียด ทำให้ลำไส้ และจุลินทรีย์ในลำไส้เครียดไปด้วย

การพักผ่อนไม่เพียงพอ

การทานอาหารแปรรูปที่มีการเติมแต่งสารสังเคราะห์ต่าง ๆ

การใช้ยาปฏิชีวนะ ตัวการทำลายจุลินทรีย์หลายตัว

พฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความไม่สมดุลในลำไส้ ส่งผลกระทบต่อการย่อยอาหาร ทำให้มีอาการท้องอืด ท้องผูก หรือรู้สึกไม่สบายท้อง ซึ่งในกรณีที่ร้ายแรง คือ ลำไส้เกิดการอักเสบ และสามารถรุนแรงไปถึงขั้นทำลายเยื่อบุลำไส้ ส่งผลให้ลำไส้รั่ว

จะรู้ได้อย่างไร ว่าจุลินทรีย์ในลำไส้เสียสมดุล ?

อาการที่เกี่ยวข้องกับจุลินทรีย์ในลำไส้ที่เสียสมดุล อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุ และระดับของความเสียหาย ซึ่งอาการที่พบได้บ่อยเมื่อจุลินทรีย์เสียสมดุล มีดังนี้

ระบบย่อยอาหาร

การเสียสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการย่อยอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องผูก ท้องเสีย คลื่นไส้ หรือแน่นท้อง

ปัญหาทางเดินอาหาร

อาทิ กรดไหลย้อน โรคลำไส้แปรปรวน หรือโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง

ระบบภูมิคุ้มกัน

หากจุลินทรีย์ในลำไส้เสียสมดุล อาจส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดอาการแพ้ และเกิดการติดเชื้อได้ง่าย

สภาวะอารมณ์และสมาธิ

ความสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ส่งผลต่อสภาวะอารมณ์ และสมาธิ ซึ่งการเสียสมดุลอาจทำให้เกิดอาการซึมเศร้า วิตกกังวล หรือสมาธิสั้น

อาการทางผิวหนัง

สภาวะจุลินทรีย์ในลำไส้เสียสมดุล อาจส่งผลกระทบต่อผิวหนัง เกิดอาการผื่นแพ้ สิว หรือมีอาการแสบร้อนบริเวณผิวหนัง

ปรับสมดุลลำไส้ ด้วยโพรไบโอติก พรีไบโอติก และการปรับพฤติกรรม

กลอรี่

เนื่องจากสำไล้ของเรามีจุลินทรีย์จำนวนมาก ซึ่งจุลินทรีย์ของแต่ละคนไม่เท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นจำนวน ขนาด หรือสายพันธุ์ เป็นต้น โดยสารอาหารที่แนะนำ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อปรับสมดุลลำไส้ ทำได้ดังนี้

การเพิ่มโพรไบโอติก พรีไบโอติกในรูปแบบอาหาร และอาหารเสริม

การดูแลสุขภาพลำไส้ที่ดี และมีประสิทธิภาพมากที่สุด คือ การสร้างสมดุลจุลินทรีย์ดีในลำไส้ หรือที่เรียกว่าโพรไบโอติก ให้มีปริมาณที่เหมาะสมอยู่เสมอ โดยโพรไบโอติกมีทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่

แลคโตบาซิลลัส เป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อระบบขับถ่าย สามารถพบได้ในนมเปรี้ยว และโยเกิร์ต

บิฟิโดแบคทีเรียม เป็นจุลินทรีย์ประเภทโพรไบโอติกที่ดีที่สุด ช่วยป้องกันอาการลำไส้แปรปรวน

แซคคาโรไมซิส เป็นจุลินทรีย์ประเภทโพรไบโอติก มีส่วนช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย และช่วยป้องกันปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร

อย่างไรก็ตาม อาหารเสริมโพรไบโอติก และพรีไบโอติกที่แนะนำ คือ Glory BaoBaoCoCoa พรีไบโอติก ผสมคอลลาเจนไดเปปไทด์ และไฟเบอร์ โดยพรีไบโอติก เป็นอาหารของจุลินทรีย์ ทำหน้าที่เสริมสร้างจุลินทรีย์ดีในกระเพาะอาหาร และถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรียโพรไบโอติก ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโต และการทำงานของแบคทีเรีย ช่วยปรับสมดุลลำไส้ และช่วยย่อยอาหาร

โพรไบโอติก เช่น Glory Probiotic Veggy Plus คือโพรไบโอติกที่เป็นจุลินทรีย์ดีในลำไส้ ผสมไฟเบอร์ในรูปแบบแคปซูล ซึ่งมีโพรไบโอติกตัวสำคัญ อย่าง Bacilus Coagulans ช่วยดีท็อกซ์ของเสีย ปรับสมดุลลำไส้ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยเสริมประสิทธิภาพให้ระบบย่อยอาหาร เหมาะเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ไม่ทานผัก และคนที่ต้องการปรับสมดุลทำไส้

ดีท็อกซ์

การพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

โดยสมาคมระหว่างประเทศ IASD ได้แนะนำให้นอนหลับประมาณ 6-8 ชั่วโมง เนื่องจากการพักผ่อนที่เพียงพอ ช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อน ช่วยลดความเครียด และช่วยให้สภาพแวดล้อมในลำไส้มีสุขภาพดีกว่าการนอนน้อย หรือนอนไม่เป็นเวลา

ในส่วนของการออกกำลังกาย ควรทำเป็นประจำอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน และ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของลำไส้ ช่วยลดการเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นอันตราย และช่วยเพิ่มความหลากหลายของจุลินทรีย์

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร

นอกจากการทานอาหารเสริมโพรไบโอติก และพรีไบโอติกแล้ว ยังควรลดการทารอาหารประเภทเนื้อสัตว์แปรรูป อาหารสำเร็จรูป และอาหารรสจัด รวมไปถึงอาหารไขมัน และคาร์โบไฮเดรตสูง

สุดท้ายนี้การดูแลรักษาร่างกาย การเลือกทานอาหารที่มีพรีไบโอติก และโพรไบโอติก การพักผ่อนให้เพียงพอ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นวิธีการป้องกันลำไส้ไม่ให้เกิดความผิดปกติ หรือลำไส้แปรปรวน

แต่ทั้งนี้เพื่อความสะดวก และง่ายต่อการใช้ชีวิตประจำวัน สามารถเลือกทานอาหารเสริมโพรไบโอติก Glory Probiotic Veggy Plus และ พรีไบโอติก BAOBAOCOCOA เพื่อช่วยเสริมสร้างระบบลำไส้ให้แข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ ทั้งยังช่วยดีท็อกซ์ของเสียที่ตกค้างในร่างกายได้เป็นอย่างดี หากสนใจสั่งซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์จาก Glory ในราคาพิเศษคลิก หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ที่ Line: @GloryofficialTH